ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 10 มิ.ย. 2559 06:30
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/635703

แบงก์กสิกรไทยสบช่องธุรกิจครอบครัวรอดถึงรุ่น 3–4 น้อย มาก ผนึก “ลอมบาร์ด โอเดียร์” รับบริหารเงินเต็มรูปแบบ ให้ลูกค้าไฮโซ แย้มมีลูกค้าในมือ 9,600 ราย มีพอร์ตสินทรัพย์ภายใต้ การบริหารกว่า 7.6 แสนล้านบาท มั่นใจปีนี้รายได้โตอีก 22%
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ เปิดตัวบริการวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ที่ครอบคลุมที่สุดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับความต้องการด้านบริการวางแผนบริหารจัดการเงินและการลงทุนในครอบครัวที่มีสินทรัพย์และสมาชิกจำนวนมากที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ที่ต้องเตรียมพร้อม และปรับตัวรับความท้าทายในการขยายธุรกิจ การเติบโตอย่างยั่งยืน และการส่งต่อธุรกิจครอบครัวสู่รุ่นต่อไป
ทั้งนี้ ไนท์ แฟรงค์ (Knight Frank) ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกจากอังกฤษ ได้จัดทำ Attitudes Survey 2015 ในกลุ่มผู้มีสินทรัพย์สูง และออกรายงาน Wealth Trends 2015 ว่า 85% ของเศรษฐีทั่วโลกให้ความสำคัญกับ การวางแผนเรื่องทายาทหรือผู้สืบทอด ทั้งในเชิงธุรกิจและครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับลูกค้าเศรษฐีในประเทศไทย ที่พบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ ครอบครัวเป็นลำดับแรก และมีความกังวลเรื่องการสืบทอดความมั่งคั่งสู่รุ่นต่อๆไป อย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยเห็นได้จากธุรกิจขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยล้วนเป็นธุรกิจครอบครัว
“ธุรกิจครอบครัวทั่วโลก มีอัตราการอยู่รอดจน ถึงรุ่นที่ 3 หรือ 4 น้อยมาก จนเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า ธุรกิจครอบครัวมักไปได้ไม่เกิน 3 ชั่วอายุคน และปัญหา ที่พบบ่อยคือ ขาดการวางแผนบริหารจัดการที่ดีและยั่งยืน ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว และมีปัญหาขัดแย้งผลประโยชน์ระหว่างพี่น้อง”
ด้านนายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การเก็บภาษีมรดกและภาษีที่ดิน เป็นตัวกระตุ้นให้บรรดาเศรษฐี นำสินทรัพย์ที่ถือครองไว้มาบริหารจัดการให้ดี ปัจจุบัน สายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ ของธนาคารมี ส่วนแบ่งตลาดประมาณ 42% และมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 22% โดยปัจจุบันมียอดรวมสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ของกลุ่มลูกค้า บุคคลสินทรัพย์สูงรวมเป็น 760,000 ล้านบาท มีลูกค้าประมาณ 9,600 ราย จากทั้งหมดในประเทศไทยที่มีอยู่ประมาณ 23,000 ราย แบ่งสัดส่วนเป็นลูกค้า ที่อยู่ในกรุงเทพฯ 80% ต่างจังหวัด 20%.