SCB ปรับเพิ่มคาดการณ์ ศก.ไทย 59 โต 2.8% หลังตัวเลข Q1 ดีกว่าที่คาด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มิ.ย. 2559 15:35

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/636059

 

SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการ ศก.ไทย ปี 59 โต 2.8% จากเดิมคาด 2.5% หลังตัวเลขไตรมาสแรกดีกว่าที่คาด รับอานิสงส์ท่องเที่ยว-ใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่ มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ โอนเงินเข้ากองทุนหมู่บ้าน ดันการลงทุนภาคเอกชนเติบโตเร่งขึ้น…

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 59 ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2559 เป็น 2.8% จากเดิม 2.5% หลังตัวเลขไตรมาสแรกออกมาดีกว่าที่คาด และภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตดีตลอดทั้งปี โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก ขยายตัวได้ที่ 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นอัตราที่สูงกว่าที่คาดการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ ทั้งการบริโภค และการลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่เติบโตสูง ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนเติบโตเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการเงินโอนให้แก่กองทุนหมู่บ้านเพื่อใช้ในการลงทุน

ทั้งนี้ การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและแรงสนับสนุนจากภาครัฐ เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้สูงในไตรมาสแรกและยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยว และการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น โดย EIC ปรับประมาณการการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 59 เป็น 15% จากเดิม 9% ขณะที่ การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐและมาตรการสนับสนุนทางการเงินในภูมิภาค มีบทบาทอย่างมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก EIC คาดว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงภายในประเทศจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง เนื่องจากมาตรการกระตุ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์บางส่วนที่ได้หมดอายุลง และงบประมาณด้านการบริโภคและการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เหลือน้อยลง หลังจากเร่งใช้จ่ายไปแล้วในช่วงต้นปี

นอกจากนี้ แรงกดดันด้านกำลังซื้อภาคเอกชน ยังเป็นข้อจำกัดที่สำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การใช้จ่ายของครัวเรือนมีแนวโน้มซบเซาจากการที่รายได้ของครัวเรือนได้รับผลกระทบจากจำนวนชั่วโมงการทำงานของแรงงานในหลายภาคส่วนที่ลดลง และยังได้รับผลกระทบจากรายได้ภาคเกษตรที่ตกต่ำจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังไม่ฟื้นตัว และจากภัยแล้งที่จะกระทบปริมาณผลผลิต

ขณะเดียวกัน ภาระหนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในระดับสูง EIC เห็นว่า ความเสี่ยงด้านกำลังซื้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบริโภคในประเทศฟื้นตัวได้ยาก และมีความอ่อนไหวต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

ขณะที่ ความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดการเงินโลกมีสูงขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ การกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของญี่ปุ่น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ในส่วนของไทย EIC คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย จะคงอยู่ที่ระดับ 1.5% และค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าเช่นเดียวกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ไปอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 59

 

Leave a comment