พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยในงานประชุมเรื่อง การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการของรัฐกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นเรื่องแรกที่รู้สึกพอใจที่หน่วยงานภาครัฐมีความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และจากนี้ไปจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งด้านการคมนาคมขนส่ง และสาธารณูปโภค โดยจะนั่งเป็นประธานติดตามงานด้วยตัวเอง เพราะต้องการผลักดันโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

สำหรับการแก้ไขปัญหาทางด้านการอำนวยความสะดวกภาครัฐเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจนั้น ล่าสุด ทุกหน่วยงานภาครัฐ ได้แก้ไขปัญหาไปหลายเรื่องแล้ว เพื่อให้การจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ซึ่งจัดอันดับโดยธนาคารโลกจะปรับตัวดีขึ้นในปีต่อไป ปัจจุบันไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 49 จาก 189 ประเทศทั่วโลก หากปรับแก้ไขบางเรื่องให้เป็นไปตามแผนงาน ก็หวังว่าอันดับของประเทศไทยจะดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หาทางแนวทางส่งเสริมการนำผลผลิตทางการเกษตรของไทยมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อใช้ในประเทศมากขึ้น โดยเริ่มจากการนำยางพารามาแปรรูป และหวังว่าจะมีภาคเอกชนไทยร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อผลักดันให้สามารถเกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกันขอให้ทีมเศรษฐกิจ ไปจัดกลุ่มการประกอบอาชีพ และรายได้ของประชาชน เพื่อจะได้รับทราบว่า แต่ละกลุ่มมีความเดือดร้อนเรื่องใด เพื่อให้รัฐหามาตรการเข้าไปส่งเสริมให้ตรงจุด โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น คนขายก๋วยเตี๋ยว หรือผู้ประกอบอาชีพทั่วไป เนื่องจากเป็นคนที่มีรายได้น้อย และต้องการความช่วยเหลือหลายอย่าง

ด้านนายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ รมช.พาณิชย์กล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้เรื่องการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ให้ส่งผลไปถึงการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง โดยรัฐบาลได้ทำงานในเชิงรุกมากขึ้นด้วย.