“เรืองไกร”ร้องปปช.สอบดีเอสไอขอหมายค้นธรรมกายมิชอบ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/politic/230554

เรืองไกร,ธรรมกาย

การเมือง > ข่าวการเมือง  :  20 มิ.ย. 2559

“เรืองไกร”ร้องปปช.สอบดีเอสไอขอหมายค้นธรรมกายมิชอบ

“เรืองไกร”ยื่นเรื่อง“ป.ป.ช.”สอบ“ดีเอสไอ”ขอหมายค้น“วัดพระธรรมกาย”มิชอบ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผ่านนายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ สำนักงานป.ป.ช.เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ขอออกหมายค้นเพื่อเข้าไปในวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า การขอหมายค้นดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องให้พนักงานอัยการแล้ว โดยมีการส่งสำนวนพร้อมความเห็น เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. และหลังจากนั้นในวันที่ 15 มิ.ย.ก็ขอออกหมายค้นตามมาอีก ทั้งที่อำนาจสอบสวนน่าจะหมดลงแล้ว และเป็นอำนาจของพนักงานอัยการเท่านั้น

 

ดังนั้นดีเอสไอในฐานะพนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจที่จะสอบสวน รวมทั้งการขอหมายค้นซึ่งถือเป็นขั้นตอนของการสอบสวนด้วย เมื่อตรวจสอบกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 766/2546 ซึ่งมีความเห็นไว้ว่าพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้แก่พนักงานอัยการแล้ว เพราะพนักงานสอบสวนหมดอำนาจที่จะทำการสอบสวนคดีต่อไปและยังมีคำพิพากษาฎีกาที่ 9/2481 และ 104/2481 ที่วางหลักไว้ว่าเมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จ และลงสำนวนให้พนักงานอัยการแล้ว ย่อมหมดอำนาจที่จะทำการสอบสวนต่อไป

 

นอกจากนั้นเมื่อตรวจสอบกับระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการพ.ศ.2547 ข้อ 66 ที่ระบุไว้ว่า“เมื่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเห็นว่าการสอบสวนเสร็จแล้ว และมีความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องตามมาตรา 140 มาตรา 141 หรือมาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ส่งไปพร้อมกับสำนวนยังพนักงานอัยการแล้ว พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนเพิ่มเติมภายหลังได้อีก”

 

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เมื่อนำข้อเท็จจริงตามวันเวลาในการส่งสำนวนกับวันที่ออกหมายค้นมาพิจารณา ก็มีประเด็นที่ควรพิจารณาตามมาว่า การขอออกหมายค้นของดีเอสไอดังกล่าว อาจจะมีปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 และประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 140-145

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าพรรคเพื่อไทยพยายามดึงเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมือง นายเรืองไกร กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ตนในฐานะประชาชนก็อยากช่วยเหลือและปกป้องในเรื่องที่มีการทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งยืนยันว่าเป็นการดำเนินการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับคนในพรรคเพื่อไทย

 

 


Leave a comment