ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/223126

การศึกษา-สาธารณสุข : 25 ก.พ. 2559
‘ดาว์พงษ์’ไม่ปล่อยเงินสกสค.800ล้านสูญเปล่า
สกสค.เรียกขอเอกสารเพิ่มจาก บ.หนองคายน่าอยู่ฯ เพื่อใช้ตรวจสอบกับราคาหุ้นที่ตกลงซื้อขายสมเหตุสมผลหรือไม่ ลั่นไม่ยอมให้เงิน สกสค. 800 ล้านบาทสูญเปล่า
25 ก.พ. 59 พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการสวัสดิภาพครูและ บุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้รายงานผลการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ การดำเนินการของบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด ที่จังหวัดหนองคาย หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดี บริษัท หนองคายน่าอยู่ ขายหุ้นให้คณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตาม โครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทาง การศึกษา (ช.พ.ค.) ของสกสค. เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชนกับบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด จำนวน 32 ล้านหุ้นๆละ 25 บาท รวม 800 ล้าน บาท สูงกว่าราคาพาร์ เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่ง สกสค.ได้ลงไปตรวจสอบข้อมูลบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ พบว่ามีการดำเนินกิจการจริงหรือไม่ รวมถึงกรณีที่มีการโยงไปถึงประเทศญี่ปุ่น การใช้เครื่องมือ ซึ่งทั้งหมด เราก็ต้องไปดูว่าจริงหรือเท็จ
ทั้งนี้ เบื้องต้นจากที่นายพินิจศักดิ์รายงานด้วยวาจาพบว่า มีที่ดินจริง และได้ลงไปสอบถามท้องถิ่น คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)หนองคาย ก็ยืนยันว่า มีการทำสัญญาขายขยะให้กับบริษัทหนองคายน่าอยู่ ฯ จริง แต่ที่สกสค.ขอหลักฐานเพิ่มเติมไปคือ เมื่อบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ บอกว่าจะขายไฟฟ้า ได้มีการประสานงานไปยังหน่วยงานอื่น ๆ หรือไม่ และมีผลเป็นอย่างไร เพื่อทางสกสค.จะได้ดูมาพิจารณาว่าราคาหุ้น จาก 10 บาท เป็น 25 บาท สมเหตุสมผลหรือไม่
“การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ บางทีก็มีการซื้อขายเกินราคาพาร์ แต่ในอดีตที่ผ่านมาจะดูบริษัทเดิม ที่มีกิจการที่เห็นเป็นรูปร่างแล้ว ต่างกับบริษัทหนองคายน่าอยู่ฯ ซึ่งยังไม่มีอะไรเลย แล้วทำไมราคาถึงเกิน ผมไม่ยอมให้เราเสียเงิน 800 ล้านบาท ไปเปล่าๆ แน่นอน มีขั้นตอนการเรียนคืน ทั้งการเจรจา และการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการ ผมไม่หยุดนิ่ง ไม่ปล่อย รวมถึงการเรียกเงินคืนจาก บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ก็ยังไม่หยุด ขณะนี้กำลังรอลุ้นอยู่ว่าจะได้เงินคืนมาก่อนส่วนหนึ่ง ตามที่เราเคยยื่นเรื่องขอ 400 กว่าล้านที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัติไว้คืนมา ถ้าได้มาก็เอากลับมาก่อน ส่วนที่เหลือก็ดำเนินคดีเหมือนเดิม ทั้งผู้บริหารบริษัท บิลเลี่ยนฯ และอดีตผู้บริหารสกสค. ที่กระทำผิดร่วมกัน”พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้า กรณีที่มอบอำนาจให้สกสค. ไปดำเนินการฟ้องแพ่งสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง เพื่อขอให้คืนเงินจำนวน 2,100 ล้าน บาท พร้อมดอกเบี้ย7.5% นับแต่วันที่มีการเบิกถอนเงิน คืนให้สกสค. ภายใน 7 วัน เนื่องจากตรวจสอบพบว่าการอนุมัติเบิกถอนเงินของ สกสค.และปิดบัญชีไม่ถูกต้องและสกสค.ได้ส่งหนังสือแจ้งธนาคารตามขั้นตอน หากทางธนาคารยังไม่ยอมชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย สกสค.ก็จะดำเนินการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนทันที ซึ่งขณะนี้เลยกำหนด 7 วันที่ได้ส่งหนังสือไปแล้ว และยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนขอดูรายละเอียดก่อน แต่มีแนวทางแก้ปัญหาอยู่สองทาง คือ ถ้าคุยรู้เรื่อง ก็คือรู้เรื่อง แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ดำเนินการตามกฎหมาย
‘บิ๊กหนุ่ย’ อันดับ 4 ทำงานไม่ประทับใจ
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่ากการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (นิด้า) ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,252 คน เรื่อง “1 ปี 6 เดือน ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยมีการสอบถามประชาชนเกี่ยวกับความประทับ ใจการทำงานของคณะรัฐมนตรี และปรากฏว่ามีชื่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ ติดอยู่ในอันดับ 4 ที่ประชาชนไม่ประทับใจการทำงาน ว่า ยอมรับในผลโพลล์ดังกล่าว ส่วนตัวคิดว่าตนน่าจะอยู่ในอันดับ 1 มากกว่า เพราะขนาดตนประเมินตนเองก็ยังไม่ค่อยประทับใจในการทำงานของตนเอง เพราะงานหลายเรื่องยังไม่เป็นไปดังที่ต้องการ เพราะฉะนั้น ก็ไม่แก้ตัวกับผลโพลล์ที่ออกมา แต่เป็นไปได้อยากจะทราบรายละเอียดของผลสำรวจมากกว่านี้ด้วยว่า ที่ประชาชนไม่ประทับใจการทำงานของตนในเรื่องใดบ้าง เพื่อจะได้ปรับปรุง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นไปแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด ขณะเดียวกัน อยากทราบด้วยว่ากลุ่มคนที่ยังไม่ประทับใจการทำงานนั้น เป็นกลุ่มใดบ้าง เพราะเท่าที่ดูก็เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างมีความหลากหลาย ในทั้งอายุ ภูมิภาค และอาชีพ ซึ่งเท่าที่ดูมีอาชีพนักเรียน นักศึกษา เพียง 2% เท่านั้น
“โพลล์ดังกล่าวนี้อาจจะเป็นการสะท้อนความคิด ความรู้สึกของประชาชนทั่วๆ ไป ในเรื่องการทำงาน ซึ่งผมก็รับฟัง เพราะแม้แต่ตัวผมเองยังไม่ประทับใจ เพราะทำงานไม่ทัน ซึ่งการแก้ไขปัญหา ศธ.นั้นจะทำเพียงเรื่องเดียวโดดๆ ไม่ได้ เนื่องจากในแต่ละเรื่องก็มีหลายเรื่องเกี่ยวพันกันอยู่ แก้เรื่องนี้เรื่องเดียวก็อาจไปกระทบเรื่องอื่นไปด้วย”
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากที่มีการทำโพลล์ดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ตนคิดได้ว่า ศธ.ควรจะทำโพลล์ของตนเองด้วย โดยได้มอบให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สนย.) สำนักงานปลัด ศธ.ไปดำเนินการสำรวจความคิดเห็นภายในจากครูและบุคลากรทางการ ศึกษาทั่วประเทศเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ได้มอบไป เช่น การเข้าสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการ การปรับปรุงภาษาอังกฤษ นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เป็นต้น ซึ่งที่ผลโพลล์ที่จะให้ทำนั้น เพื่อจะได้รู้ว่าทิศทางที่จะดำเนินการต่อไปนั้นควรเป็นอย่างไร หรือครูและบุคลากรทางการศึกษาอยากจะเสนอแนะมา ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยได้รับข้อมูลในเรื่องเหล่านี้มาระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่เคยออกมาในรูปของโพลล์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 2 เดือน