ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/222275

การศึกษา-สาธารณสุข : 11 ก.พ. 2559
ป่วย’เมอร์ส’รายที่2หายดีแล้ว
ผู้ป่วย ‘เมอร์ส’ รายที่ 2 ในไทย หายดีเดินทางกลับประเทศโอมานแล้ว หลังรักษาตัวนานกว่า 21 วัน ขณะที่กลุ่มเสี่ยง 39 คน ปลอดเชื้อให้กลับบ้านได้
11 ก.พ. 59 นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความสำเร็จการรักษาผู้ป่วยเมอร์สชาวโอมาน ว่า หลังจากที่สถาบันบำราศนราดูร รับตัวชาย ชาวโอมาน อายุ 71 ปี ที่ป่วยเป็นโรคติดเชื้อตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เข้ารับการรักษาตัวเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 ขณะนี้ผลการรักษาผู้ป่วยรายดังกล่าวหายเป็นปกติแล้ว โดยผลการตรวจเชื้อจากห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ (ห้องแลป) ใน 3 แห่ง ได้แก่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รพ.จุฬาลงกรณ์ และสถาบันบำราศนราดูร ไม่พบเชื้อ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล จึงได้ประสานสถานฑูตโอมานในการรับตัวผู้ป่วยเดินทางกลับประเทศ
ส่วนญาติ 1 คน ที่ต้องเข้ารับการกักตัวในห้องแยกโรคไม่พบเชื้อเช่นกัน รวมถึงผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดที่เป็นคนขับแท็กซี่ 2 คน พนักงานโรงแรม 4 คน ผู้โดยสารบนเครื่องบิน 22 คน และบุคลากรโรงพยาบาล 11 คน รวม 39 คน ไม่พบเชื้อเช่นกัน และได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 6 กุมภาพันธ์ 2559 และติดตามต่อหลังจากนั้นก็ไม่พบว่ามีใครป่วยเพิ่มเติม
นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ผู้ป่วยรายนี้อาการหนักกว่าผู้ป่วยเมอร์สรายแรกในประเทศไทย โดยเจอปริมาณเชื้อในร่างกายมากกว่า จึงใช้เวลาในการรักษานานกว่า รวม 21 วัน ขณะที่รายแรกใช้เวลาเพียง 14 วัน แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้ป่วยมีโรคเบาหวานด้วย อาจทำให้เชื้ออยู่ในร่างกายได้นานกว่ารายแรก ทั้งนี้ แพทย์ได้ออกหนังสือรับรองให้กับผู้ป่วยรายนี้ตามกฎการบินระหว่างประเทศว่าผู้ป่วยปลอดภัยสามารถเดินทางในระยะทางไกลได้ และผู้ร่วมเดินทางคนอื่นจะปลอดภัยด้วย และตามกฎอนามัยระหว่างประเทศปี 2548 ที่ระบุว่า ผู้ป่วยอยู่ในสภาพเดินทางไกลได้และปราศจากเชื้อ
พญ.จริยา แสงสัจจา ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า สถาบันฯ ได้จำหน่ายผู้ป่วยออกจากสถาบันเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 โดยผู้ป่วยมีอาการหายดี รับประทานอาหารได้ดี และเดินเองได้ตามปกติ จึงเดินทางพร้อมลูกชาย 1 คน ที่ถูกกักตัวไว้สังเกตอาการ และลูกชายอีก 2 คน ที่เดินทางมาเยี่ยมกลับประเทศโอมานแล้ว ส่วนค่ารักษาพยาบาลรวมกว่า 4.2 แสนบาท เบื้องต้น ได้รับการประสานจากสถานฑูตโอมานประจำประเทศไทยว่าจะประสานผู้ป่วยในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้สถาบันฯ ต่อไป