ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/223131

การศึกษา-สาธารณสุข : 25 ก.พ. 2559
‘เซปิง’เบี้ยวแจงสคบ.นัดใหม่4มี.ค.
รมว.สธ.ย้ำ ‘เฟซออฟ’ จ้อเกินจริง ถ้าผิดต้องเอาผิด รพ.-นายหน้า ขณะที่ สคบ.เรียก ‘เซปิง’ เข้าให้ข้อมูล 4 มี.ค.นี้ หลังเบี้ยวนัดแรก
25 ก.พ. 59 ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการโฆษณาเกินจริงในเรื่องการทำศัลยกรรมใบหน้า โดยใช้คำว่าเฟซออฟ (Face off) ว่า ไม่อยากให้สังคมพุ่งเป้าหรือถกเถียงความหมายเกี่ยวกับคำว่าเฟซออฟ เพราะไม่เกิดประโยชน์ ที่ผ่านมา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแพทยสภา ชี้แจงชัดเจนแล้วว่า ไม่มีชื่อเรียก หรือเทคนิควิธีนี้ สิ่งที่ทำก็ไม่ใช่การเปลี่ยนหน้า
“กรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาล หรือนายหน้า หากทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการเอาผิด เพราะมีการโฆษณาเกินจริงเหมือนกัน ซึ่งดีกว่าการมาเล่นคำกัน และอยากให้ประชาชนสนใจเรื่องของความปลอดภัยจากการทำศัลยกรรมเป็นหลัก”
นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์กรณี ดร.เซปิง ไชยศาส์น โฆษณาการทำศัลยกรรมใบหน้า และอาจเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริงภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ที่ สธ.ว่า ในวันที่ 4 มีนาคม 2559 ดร.เซปิง จะเข้าให้ข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งจะเป็นการมาด้วยตัวเองหรือส่งผู้แทนก็ได้ หลังจากที่ไม่ได้เข้าให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้เชิญ นพ.กมล พันธ์ศรีทุม แพทย์ที่ถูกกล่าวอ้างถึงมาให้ข้อมูลแล้ว แต่แพทย์ท่านนี้ได้ส่งตัวแทนมาพบ สคบ. ทำให้ได้ข้อมูลแล้วบางส่วน จากนั้นจะนำมารวบรวมกับที่ ดร.เซปิง จะเข้าให้ข้อมูลต่อไป ซึ่งเป็นการสืบสวนสอบสวนจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระบบเพื่อเอาผิดกับผู้ที่โฆษณาเกินจริง
“สคบ.อยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แพทยสภา โดยอาจจะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาใหม่ 1 ชุด เพื่อทำหน้าที่ในการร่างระเบียบในการควบคุมเอเจนซี หรือนายหน้าที่ทำการโฆษณาเกินจริงเรื่องสุขภาพและความงามเหมือนเช่นที่ประเทศเกาหลีใต้ เพราะปัจจุบันคลินิกเสริมความงามมีการใช้เอเจนซีเข้ามามาก อาจมีโทษทั้งจำและปรับเหมือน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ที่มีการเอาผิดกับเอเจนซีด้วย โดยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (บอร์ด สคบ.) ในวันที่ 11 มีนาคม 2559”