ซื้อเงินปอนด์โกยกำไร เผยเศรษฐีเมืองไทยถูกหวย “เบร็กซิท”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 ก.ค. 2559 07:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/654884

 

เผยเศรษฐีเมืองไทยสบช่องเบร็กซิทพ่นพิษ ทุบเงินปอนด์อ่อน แห่เข้าไปซื้อเงินปอนด์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แบงก์ไทยพาณิชย์ชี้ช่องให้ลงทุนกองทุนตราสารหนี้ในอังกฤษ ที่ราคากำลังทรุด ตัวหนัก ขณะที่ยอดสินทรัพย์ที่ธนาคารรับบริหารจัดการ พุ่งขึ้น เป็น 1 ล้านล้านบาท

นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายลูกค้าธนบดีธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากประชามติอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิท ค่าเงินปอนด์ของอังกฤษอ่อนตัวลงอย่างมาก ส่งผลให้บรรดาเศรษฐีจากประเทศไทยลงทุน ด้วยการเข้าไปซื้อเงินปอนด์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือจากปกติมีการเข้าไปซื้อเงินปอนด์ 200-300 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 500-600 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในวิกฤติถือเป็นโอกาส ธนาคารได้แนะนำให้ลูกค้านำเงินไปลงทุนกองทุน หรือตราสารหนี้บางประเภทของอังกฤษที่ปัจจุบันราคาลดลงอย่างมาก ส่วนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือลงทุนซื้อที่ดินในอังกฤษ ยังไม่แนะนำเพราะต้องรอความชัดเจน เกี่ยวผลกระทบของเบร็กซิทก่อน

“คนไทยที่เข้าไปซื้อเงินปอนด์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีธุรกิจอยู่ในอังกฤษ และกลุ่มที่เห็นค่า เงินปอนด์อ่อนตัวแล้วเข้าไปลงทุน โดยนำเงินบาทมาฝากไว้กับธนาคาร พร้อมกำหนดค่าเงินปอนด์ที่สนใจไว้ และหากราคาเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาถึงราคาที่ลูกค้ากำหนดธนาคารก็จะซื้อเงินปอนด์ในราคาดังกล่าว ทันที และที่ผ่านมาได้อัตราผลตอบแทน 4-7% ซึ่งผลตอบแทนขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้”

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าครอบครัว และบุคคลที่มีความมั่งคั่ง หรือเฟิร์ส และไพรเวท ที่มีเงินลงทุน 50 ล้านบาทขึ้นไป สนใจเข้ามาให้ธนาคารบริหารการ เงินส่วนบุคคลมากขึ้น เพื่อรองรับกับกระแสเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ภาวะดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงกฎหมายภาย ในประเทศ ที่เกี่ยวกับเรื่องการออมและการครอบครองสินทรัพย์ที่เปลี่ยนไป และปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้าเฟิร์สและไพรเวทมาใช้บริการเพิ่มอีก 10-15% จากปัจจุบันมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มครอบครัว มี 7,000 ครอบครัว รวมถึงกลุ่มลูกค้าเฟิร์สที่มีสินทรัพย์ 10-50 ล้านบาท จำนวน 30,000 ราย มีทรัพย์สินให้ธนาคารบริหารรวมกัน 800,000 ล้านบาท คาดว่าใน 2-3 ปี ข้างหน้า ยอดสินทรัพย์บริหารรวมเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท

นางสาวลลิตภัทรกล่าวว่า จากเดิมลูกค้าครอบครัวที่ให้ธนาคารบริหารสินทรัพย์มีอายุอยู่ที่ 60-70 ปี แต่ปัจจุบันมีเศรษฐีที่เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 40 ปี มาให้ธนาคารบริหาร และเป็นกลุ่มคนที่ต้องการผลตอบแทนสูง และยังพบว่าเศรษฐีส่วนใหญ่นำเงินมาให้ธนาคารบริหารเพียง 1 ใน 3 ของทรัพย์สิน และเงินส่วนใหญ่ยังฝากเป็นเงินสด ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจรับบริหารสินทรัพย์ยังเติบโตได้อีกมาก.

Leave a comment