ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 ก.ค. 2559 05:30
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/653132

นับตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความผันผวนมาโดยตลอด ประเด็นใหญ่ๆ ที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ นั่นคือ เหตุการณ์ก่อการร้าย ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ระเบิดป่วนหลายจุด กลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เหตุระเบิดสนามบินกรุงบลัสเซลส์ ที่นับเป็นโศกนาฏกรรมที่ประเทศเบลเยียม เหตุการณ์การโจมตีทั่วกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และล่าสุด เหตุการณ์โจมตีสนามบินนานาชาติ ประเทศตุรกี ทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก

กระทั่งต่อมา เกิดเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือ Brexit ยิ่งทำให้หลายคนกลัว ขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลก เพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าในอนาคตต่อไปจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่ร้ายแรงขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจอีก
ดังนั้น หลายคนจึงเกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจของไทยไม่น้อยเลยว่า จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้หรือไม่ และในครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางเป็นอย่างไร วันนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” จะพาไปหาคำตอบ จากผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ …

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยมุมมองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังกับทีมข่าวฯ ว่า ภาพรวมทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก มีสัญญาณฟื้นตัวออกมาเหมือนกัน คือ ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น โดยวัดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นทุกรายการ เช่น ราคาน้ำมันที่ปรับจากฐาน 40 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นฐาน 50 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมองว่า โลกปรับตัวเข้าสู่สมดุลของการใช้น้ำมัน คือ มีการผลิตตามความต้องการการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ซึ่งพอราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตรอื่นๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ตลอดจนมันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันเป็นต้นทางของราคาสินค้าที่เป็นต้นเพลิงพลังงาน และยางสังเคราะห์


ขณะที่ ราคาทองที่ผ่านมานั้น จะเห็นว่าปรับตัวขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 1,300 เหรียญ/ออนซ์ จาก 1,200 เหรียญ/ออนซ์ นั่นเป็นเพราะว่า คนมีความต้องการสะสมทองคำเพื่อความมั่งคั่งมากขึ้น ส่วนทิศทางของราคาหุ้น ทั่วโลกยังมีทิศทางของการปรับขึ้น จนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นอีก ถ้าไม่มี Brexit เข้ามากระทบก่อน ตอนนี้จึงเป็นไปได้ว่าจะชะลอการปรับขึ้นไว้ก่อน
ตัวเลขจับจ่ายใช้สอย ขยายตัวเป็นบวก!
ข้อมูลจากแบงก์ชาติและกระทรวงการคลัง บ่งชี้เหมือนกันว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัว หลักๆ มาจากการจับจ่ายใช้สอย การบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ หลังหักฤดูกาล มีสัญญาณของการขยายตัวเป็นบวก รวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆ ปรับตัวเป็นบวก ฉะนั้น สัญญาณของการบริโภคจึงมีสัญญาณดีขึ้นมา 2 เดือน ในช่วงไตรมาส 2 คือ เม.ย.-พ.ค. ขณะที่ ยอดจำหน่ายรถปิกอัพ ก็ปรับตัวดีขึ้นตาม ทั้งหมดนี้ จึงเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า กำลังซื้อของประชาชนค่อยๆ ดีขึ้น แม้ว่าการส่งออกจะขยายตัวไม่สูงจนถึงติดลบ แต่ประเทศไทยยังได้ตัวเลขของการท่องเที่ยวเป็นตัวช่วยพยุงเศรษฐกิจไปด้วยนั่นเอง
รัฐบาลไม่เพิกเฉย อัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง

ในครึ่งปีหลัง ประเทศไทยโชคดี ได้ปัจจัยบวกมาสนับสนุน นั่นคือ สหรัฐอเมริกา ประกาศเพิ่มอันดับไทยสู่ ‘เทียร์ 2 ที่ต้องจับตามอง’ ในรายงานการค้ามนุษย์ปี 2016 หลังจากที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับต่ำสุดมาเป็นเวลา 2 ปี ติดต่อกัน ในส่วนนี้ทำให้บรรยากาศการส่งสินค้าออกดีขึ้น แต่ทั้งนี้ รัฐบาลก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
1. ตั้งงบกลาง หรือกองทุนฉุกเฉิน เพื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบ 50,000 ล้านบาท ตามวงเงินที่จะหายไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจหากเกิดกรณีฉุกเฉินให้อัดฉีดเข้าภาคเกษตร ชาวฐานราก รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน โดยเฉพาะการค้าชายแดน ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไปถึงปีหน้า
2. การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งถนนหนทาง รถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟทางคู่
3. กรอบการใช้จ่ายที่ภาครัฐใช้ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ได้ประมาณ 2-4 แสนล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี
ต้องติดตาม Brexit ระยะยาว-เหตุก่อการร้ายในอนาคต

สำหรับปัจจัยในระดับสากลคืออีกเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับไทยอย่างแน่นอน นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องติดตามในครึ่งปีหลัง คือ 1. ปัจจัยเสี่ยงเรื่อง Brexit ว่าจะมีมาตรการตอบโต้รุนแรงหรือไม่? จะมีการดำเนินการถอดถอนอย่างไร? จะมีผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจมากหรือน้อยเพียงใด? ฉะนั้น ภาพในระยะสั้นของ Brexit จะเห็นหุ้น ทองคำ สินค้า ไม่ได้ปรับตัว ทรุดตัวหนัก แต่เป็นสถานการณ์ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในอนาคต และไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีผลลบหรือปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่
2. ติดตามสถานการณ์ การก่อการร้ายว่าจะมีเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะจากการโจมตีตุรกี ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากทำให้ในยุโรปมีความเสี่ยงสูง นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางไปท่องเที่ยว
3. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่ไม่ได้มีน้ำหนักสูง แต่ต้องติดตาม

มาดูมุมมองของ ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กันบ้างซึ่งได้เผยว่า แนวโน้มทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ยังคงสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ในระดับ 2.5-3% หากไม่สะดุดลงด้วยปัญหาการเมือง อันเนื่องมาจากการทำประชามติ ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยนั้น เรียกได้ว่าดีพอสมควร แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังไม่เติบโตได้เต็มศักยภาพ แต่ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นตามลำดับ
การเมืองยังเป็นปัจจัยเสี่ยง เพราะความไม่มีเสถียรภาพ
ผศ.ดร.อนุสรณ์ มองว่า ปัจจัยทางการเมือง ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทย เพราะความไม่มีเสถียรภาพ ความไม่ต่อเนื่อง ส่งผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งมั่นคงจะเป็นผลบวกที่สุดทางเศรษฐกิจในระยะยาว และยังก่อให้เกิดการกระจายตัวของความมั่งคั่งและลดความเหลื่อมล้ำ ลดอำนาจผูกขาดทางเศรษฐกิจลง เพิ่มการแข่งขันทำให้ประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจสูงขึ้น ผู้บริโภคได้ประโยชน์มีทางเลือกมากขึ้น
การลงประมติ 7 ส.ค. จะไม่มีผลบวกหรือลบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นมากนัก หากผู้อำนาจทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่าจะมีการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2560 และรัฐบาลควรเปิดให้มีการแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ จึงจะทำให้ “การลงประชามติ” มีความหมาย
ชี้ เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง กระเตื้องขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ
แนวโน้มทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่า กระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะภาคการลงทุน ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจระบบราง การบริหารจัดการน้ำต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ มองในแง่ภาพรวมของการจัดทำงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลต้องจัดทำงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนงานในหนึ่งปีงบประมาณข้างหน้าและยุทธศาสตร์ของประเทศในระยะยาวมากกว่านี้ และควรเพิ่มขนาดของเม็ดเงินงบประมาณจากปีที่แล้ว ให้อยู่ในระดับ 20-25% จาก 18% เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
แนะรัฐ ปรับเพิ่มงบด้านการศึกษา-การลงทุนวิจัย
ทั้งนี้ หากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีรายรับไม่เพียงพอ รัฐบาลควรพิจารณาปรับเพิ่มภาษีจากฐานทรัพย์สิน โดยงบประมาณในส่วนที่ควรเพิ่มมากที่สุด คือ งบทางด้านการศึกษา การลงทุนวิจัยและนวัตกรรม การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางและการบริหารจัดการน้ำ

ส่วนการจัดสรรงบประมาณ เพื่อการชำระหนี้เงินกู้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว รัฐบาลควรหาโอกาสในการรีไฟแนนซ์หนี้เพิ่มเติม เพื่อใช้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยต่ำมากขึ้น ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้โดยไม่เกิดวิกฤติ ฉะนั้น การกู้เงิน เพื่อเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น แต่ต้องทำอย่างมียุทธศาสตร์ บูรณาการ มีประสิทธิภาพและโปร่งใสตรวจสอบได้
ขณะที่ ภาคการท่องเที่ยว น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง ภาคการบริโภคฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ภาคส่งออกอาจหดตัวหรือติดลบในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงจากผลกระทบ Brexit สหราชอาณาจักรเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อียูอ่อนแอลง ต้องติดตามต่อไป ว่า Brexit จะมีผลอย่างไรต่อภาคการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ฟองสบู่ของจีนอาจแตกเพิ่มเติม ญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวดีนัก นอกจากนี้ ยังต้องติดตามว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อไร
จับตาวิกฤติทุนนิยมโลก
ในส่วนของผลของการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ของธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางยุโรปที่ผ่านมา จะมีผลต่อตลาดการเงินและภาคเศรษฐกิจจริง ส่วนที่อังกฤษออกจากอียู มองว่า จะมีผลกระทบต่อตลาดการเงิน ซึ่งจะชัดเจนและรุนแรงกว่าภาคเศรษฐกิจและภาคการค้าในระยะสั้น
ส่วนในระยะยาว ตลาดการเงินจะปรับตัวได้ และสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้น โดยที่ในระยะยาว จะมีผลลบต่อระบบการค้าการลงทุนในระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์สั่นคลอน การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจกระตุ้นให้กระแสการต่อต้านการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ต่อต้านทุนนิยมโลกาภิวัตน์เติบโตขึ้น การค้าการลงทุนโลกจะเติบโตลดลง พร้อมกับกำแพงภาษีการค้าการลงทุนที่อาจสูงขึ้น ถือเป็นชัยชนะยกแรกของพวกที่มีสนับสนุนแนวคิดแบบลัทธิกีดกันทางการค้า

จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ สิ่งหนึ่งที่เห็นตรงกันอย่างชัดเจนคือ เรื่องสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมทั้งระวังความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศและนอกประเทศ การติดตามข่าวสารรอบด้านอย่างใกล้ชิดคงเป็นวิธีการรับมือที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้.