นพ.เรวัต  วิศรุตเวช ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นครั้งที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้ สนช.เคยมีมติไม่เห็นชอบ แต่คณะกรรมการสรรหาได้สรรหาเขากลับมาให้ สนช.พิจารณาอีกครั้ง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเนชั่นว่า  ตนมีคุณสมบัติครบครบถ้วนตามกฎหมาย ซึ่งในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เคยมีข้อสงสัย ในบางประเด็น  ซึ่งตนสามารถตอบได้ทุกประเด็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปชี้แจงในสภา เช่น กรณีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ก็ถือเป็นเรื่องปกติ และหลายคนก็เคยมีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุลเช่นเดียวกัน โดยตนไม่มีเจตนาที่จะทำการทุจริตใดๆทั้งสิ้น  และการเปลี่ยน นามสกุลครั้งที่  2  ก็ด้วยเหตุผลเพื่อความเป็นสิริมงคล หากว่าการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เพื่อการทุจริตแล้วก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องถูกลงโทษทางวินัยในฐานะเป็นข้าราชการหรือถูกดำเนินคดี ซึ่งตนได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์แล้วด้วยการไปพิมพ์ลายนิ้วมือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากรรม ซึ่งผลการตรวจสอบไม่พบว่า เคยมีประวัติอาชญากรรมแต่อย่างใด

นพ.เรวัต กล่าวว่า  ในกรณีที่ตนเคยได้รับเชิญไปเป็นที่ปรึกษาตามหน่วยงานต่างๆนั้นก็เพราะว่า ตนมีผลงานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางและคิดว่าตนเองนั้นจะสามารถทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อทางราชการและประชาชนได้ ทั้งนี้ตนไม่เคยมีกิจกรรมใดๆทางการเมืองกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งสิ้น

“ผมคิดว่า สนช.ทุกท่านไม่มีอคติใดๆต่อผมเลย เพียงแต่ว่า ผมไม่สามารถนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้ท่านทราบได้ จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน ซึ่งผมคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ การที่ผมได้รับการคัดเลือกอีกเป็นครั้งที่ 2 จากคณะกรรมการสรรหา ก็เพราะว่า ผมได้มีโอกาสนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนต่อคณะกรรมการสรรหา “

เมื่อถามว่า เพราะเหตุใดจึงอยากเข้ามาเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน นพ.เรวัต กล่าวว่า  เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน ตลอดชีวิตของการเป็นแพทย์ได้ทำงานเพื่อประชาชนแก้ปัญหาที่เกิดจากความเจ็บป่วยรวมทั้งช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดี โดยได้ทำโครงการหลายโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เมื่อเกษียณราชการและได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการของผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงได้ทราบว่า งานขององค์กรนี้มีลักษณะเช่นเดียวกันกับงานที่ตนได้ทำมาคือ  การช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย แม้ว่าจะเป็นคนละมิติกัน ระหว่างทางแพทย์กับเรื่องการร้องเรียนขอความเป็นธรรม แต่ก็มองเห็นว่าจะสามารถนำแประสบการณ์ของการเป็นแพทย์ที่ช่วยเหลือประชาชนในเรื่องสุขภาพมาทำร่วมกับงานของผู้ตรวจการแผ่นดินในมิติทางกฎหมายได้ ซึ่งก็เป็นการช่วยเหลือประชาชนเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องการมาสมัครเพื่อดำรงตำแหน่งนี้