6 ก.ค.59 – ภาคีนักกิจกรรมเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหงจัดกิจกรรม ‘บายศรีสู่ขวัญในวันเพื่อนเรากลับบ้าน’ ให้กับ 7 นักโทษประชามติที่ถูกจับกุมฐานขัดคำสั่งคสช. และกฎหมายประชามติที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่23มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนถูกปล่อยตัว เมื่อวันที่6ก.ค.ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างฮึกเหิม มีทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันตลอดจนตัวแทนจากเครือข่ายสหภาพแรงงานเข้าร่วมผูกข้อมือเรียกขวัญและมอบดอกไม้ให้กำลังใจส่วนบริเวณโดยรอบมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจล(ปจ.)จากบก.น. 4จำนวนหนึ่งกองร้อยคอยดูแลรักษาความเรียบร้อย

ด้านนายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในนักโทษประชามติและแกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่(เอ็นดีเอ็ม) กล่าวว่า เป้าหมายเราอยู่ที่การรณรงค์ประชามติให้ประชาชนรู้ข้อดีข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญ เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติก็จะเกิดผลกระทบตามมาอีกมาก และอาจยาวนานไปอีก5ปี 10ปี ทั้งนี้เรา7คนคือ ผู้บริสุทธิ์การรณรงค์ของเราไม่ผิดกฎหมายการจับกุมพวกเราทั้ง 7 ร่วมกับตัวแทนจากสหภาพแรงงานรวม13คนเมื่อวันที่23มิ.ย.ที่ผ่านมาแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเองก็ยังไม่รู้ว่าจับเราเพราะอะไร

ขณะที่ นายนันทพงศ์ ปารมาศ อีกหนึ่งในนักโทษประชามติ กล่าวว่า ก่อนได้รับปล่อยตัว 3-4 วัน เราทั้งหมดประเมินว่า อาจต้องโดนขังต่ออีก 12 วัน ในผลัดสองจึงเห็นร่วมกันว่า มาตรการต่อไปจะอดอาหารประท้วง เพื่อยืนยันในสิ่งที่เราทำว่า ไม่ผิดซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่พลเมืองย่อมได้รับจากรัฐตามหลักประชาธิปไตยสากล ถ้าเราไม่ได้รับสิทธิผู้ปกครองก็ไม่มีความชอบธรรม

ทางด้านนายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข นักสื่อสารมวลชนและนักกิจกรรมจากเหตุการณ์พฤษภาฯ35 กล่าวว่า บาดแผลที่คนรุ่นเราไม่มีปัญญาสะสาง นับตั้งแต่วิกฤติอันเริ่มจากการยึดอำนาจปี34 รัฐธรรมนูญปี35 เรื่อยมาจนยึดอำนาจอีกครั้งในปี49 และปี57 ซึ่งบาดแผลนี้ ต้องชื่นชมในการกระทำของนักศึกษา ทั้ง7คนว่า กล้าหาญมาก และหวังว่า จะสามารถคลี่คลายมันได้ในที่สุดพวกเขาหัวใจใหญ่มาก สิ่งที่พวกเขาทำได้เรียกพลังกลับคืนมาให้พวกเรา อีกทั้งยังเรียกจิตวิญญาณความเป็นรามคำแหงที่เคยเป็นที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายประชาธิปไตย ก่อนจะได้รับชัยชนะในปี35 ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

จากนั้น นายรังสิมันต์ให้สัมภาษณ์ถึงการถูกจับกุม2ครั้ง ในรอบ2ปีว่า เหมือนเราย่ำอยู่กับที่ เพราะมีคนถูกจับโดยไม่มีหมาย และไม่สามารถบอกได้ว่าผิดอะไร ซึ่งไม่เป็นไปตามกระบวนการป.วิอาญา แต่ใช้การอุ้ม โดยอ้างความมั่นคงตามประกาศคสช. สำหรับการทำประชามติ ในที่จะถึงนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ถกเถียงถึงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อถามถึงกรณีเอกสารความเห็นแย้งร่างรัฐธรรมนูญที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายประชามตินั้น นายรังสิมันต์กล่าวว่าเป็นเอกสารของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ยืนยันว่า ข้อมูลข้างในไม่เป็นเท็จอย่างแน่นอนแต่เป็นข้อมูลในเชิงวิชาการที่จะโต้แย้งเอกสารสรุปข้อดีจากร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ที่พยายามจะบอกให้คนไปโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ ตนเรียนกฎหมายรัฐธรรมนูญมาย่อมสามารถนำเสนอความเห็นแย้งในเชิงวิชาการได้ การจะบอกว่า ความเห็นแย้งเป็นการให้ข้อมูลเท็จคงไม่ได้หากคิดว่า บิดเบือนก็เรียกร้องให้กรธ.มาดีเบตกับกลุ่มประชาธิปไตยใหม่แล้วให้สังคมมาเป็นผู้ตัดสิน แต่กรธ.ก็ไม่ยอมมาตามข้อเสนอเราแล้ว ก็ไปพูดที่อื่นว่าเอาสารเราเป็นเท็จซึ่งไม่จริง

ส่วนนายปกรณ์ อารีกุล แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่กล่าวว่า ตนอยากบอกนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งว่า เราแจกเอกสารนี้มาสองเดือนแล้ว และตนก็เคยนำไปให้นายมีชัยด้วยตัวเอง หากนายมีชัย และนายสมชัยจะบอกว่า เป็นเอกสารที่มีเนื้อหาบิดเบือนแล้ว จะมีช่องให้โหวต “เยสหรือโน” ไปทำไม หากเป็นเช่นนี้แล้วร่างรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบประชามติ ก็ไม่มีความชอบธรรม ส่วนที่จะตรวจสอบข้อมูลทางการเงินประชาธิปไตยใหม่ ก็ไม่ขัดข้องแต่เห็นแล้วระวังจะตกใจ เพราะยิ่งจับยอดบริจาคยิ่งเพิ่ม