ปลดล็อกTIER3 ประมงไทยสดใส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ก.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/661559

 

ปี 2557 ประเทศไทยถูกลดระดับ อยู่บัญชี 3 หรือ TIER3 ด้วยสถานการณ์ค้ามนุษย์ที่ย่ำแย่ทั้งเป็นต้นทาง ปลายทาง และทางผ่าน หนำซ้ำยังไม่มีความพยายามพอในการแก้ไข

วันเวลาผ่านมาถึงวันนี้กลางปี 2559 เราได้ถูกปลดล็อกจากระดับต่ำสุด …จริยา สุทธิไชยา รองเลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) บอกว่า ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเราถูกปรับมาเป็นระดับที่ดีขึ้น

หมายถึงว่า…ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการจัดการแก้ไขปัญหาการต่อต้านการ “ค้ามนุษย์” ในสายตาของโลกถือว่าเราได้พยายาม แก้ไขปัญหาดีขึ้น

“ตลาดอเมริกา” ของอุตสาหกรรมประมงไทยใหญ่กว่า “ตลาดอียู” …ช่วงก่อนปี 2553 เราเป็นผู้นำการส่งออกอุตสาหกรรมประมงไทยไปอเมริกาเป็นที่หนึ่ง…สัดส่วนสูงมาก พอเราถูกรายงานและปรับมาเป็นระดับของ TIER2 เฝ้าระวังฯ ตั้งแต่ปี 2553-2556 ก็มีการส่งออกได้น้อยลง …ปี 2557-2558 เราปรับมาเป็น TIER3 ยิ่งลดลง เป็นปัจจัยกระทบภายนอกที่กระทบต่อเนื่องเป็นแรงบวกเสริมกับปัจจัยภายใน

“อย่าลืมว่าช่วงปี 2553 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเองค่อยๆซบเซาลง ช่วงสี่…ห้าปีค่อยๆซบเซาแล้วก็ค่อยๆฟื้นตัวช้าๆ แต่สินค้าอุตสาหกรรมประมงเป็นสินค้าที่เป็นผู้บริโภคระดับรายได้สูง พอเศรษฐกิจโลก…เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอย่างอเมริกามีปัญหา ความต้องการบริโภคก็ลดลง”

ประเด็นถัดมา…พอติดปัญหารายงานการค้ามนุษย์จัดลำดับประเทศไทย ทำให้ในสายตาผู้บริโภคประเทศอเมริกาอาจจะมองว่าประเทศไทยผลิตสินค้าประมงที่ใช้แรงงานทาส แรงงานเด็ก ขัดกับสิทธิเสรีภาพ

ต้องยอมรับว่า…นี่คือปัจจัยกระทบที่สำคัญ เมื่อบวกกับปัจจัยภายในของเราเอง อุตสาหกรรมประมงเจอปัญหา “โรคตายด่วน” ก็ยิ่งกระทบหนัก …ไม่มีผลผลิตเพียงพอที่จะป้อนตลาดโลก

จริยา บอกว่า อุตสาหกรรมประมงที่เราส่งออกมี 2 สินค้าหลัก คือ สินค้ากุ้ง…ผลิตภัณฑ์กุ้งแปรรูป ทั้งกุ้งปรุงแต่ง แช่เย็น แช่แข็ง กับทูน่ากระป๋อง ตลาดอเมริกาสัดส่วนใกล้เคียงกันมาก…กุ้งแปรรูปอยู่ที่ 52% ทูน่าอยู่ที่ประมาณ 48% แต่ที่โดดเด่นคือกุ้งแปรรูป ทั้งแช่เย็น แช่แข็ง และปรุงแต่ง เพราะเป็นตลาดที่เราบุกเบิกมานาน

เงื่อนปัญหาใหญ่ IUU Fishing…การทำประมงผิดกฎหมาย ไร้การควบคุม กระทบกระบวนการผลิตในประเทศ ทั้งการจับ การเพาะเลี้ยงในประเทศ กระบวนการจับก็คือจับโดยผ่านเรือประมง แต่กระบวนการเลี้ยงก็คือการเพาะเลี้ยงซึ่งต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัญหาทั้งภายใน…ภายนอกบวกกันทำให้ปริมาณการส่งออกเราลดลง

คำถามมีว่า…นับต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ระดับถูกปรับดีขึ้น ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าอาจถูกลดอีก?

จริยา มองว่า ผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจไทยที่ทำอุตสาหกรรมประมงมีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก เรามีธุรกิจประมงซึ่งทำธุรกิจประมงทั้งนอกน่านน้ำ ธุรกิจประมงเพาะเลี้ยงในประเทศและเพาะเลี้ยงในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม เราก็ลงทุนในเรื่องของการเพาะเลี้ยงกุ้ง

“เราค่อนข้างจะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ แล้วเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงก็ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย แถมยังเป็นเกษตรที่มีทักษะสูง ตั้งแต่โรงเพาะฟักกุ้ง…ในกระบวนการผลิตสินค้ากุ้ง 94 เปอร์เซ็นต์ คือกุ้งขาวแวนนาไม และ 6 เปอร์เซ็นต์คือกุ้งกุลาดำ สัดส่วนบริโภคในประเทศ 10 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกทั้งเป็นวัตถุดิบ…แปรรูป”

ศักยภาพภาคการผลิต กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามจะแก้ปัญหาโดยร่วมมือกับภาคเอกชนในเรื่องของศูนย์พัฒนาวิจัยพันธุ์กุ้งขาว มีโครงการรวมพลังยับยั้งโรคตายด่วนของกุ้ง…ร่วมกันทำระบบการจัดการเลี้ยงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดระบบการเลี้ยงใหม่ ตั้งแต่การนำเข้าพ่อแม่พันธุ์กุ้ง…ไปจนถึงตลาดกุ้ง

จุดสำคัญ…คือ ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อตอบโจทย์เรื่องของมาตรฐาน ตั้งแต่ปลายทาง ผู้บริโภคต่างประเทศตรวจย้อนกลับมาได้ผ่านคิวอาร์โค้ด จะรู้เลยว่ามาจากฟาร์ม…โรงเพาะเลี้ยงไหน

“ถ้าเราก้าวขึ้นจากเทียร์สาม ซึ่งต่ำสุดแล้วไปเทียร์สอง…เฝ้าระวัง ก็น่าจะเพิ่มโอกาสมากขึ้นในปี 2559…ปี 2560 ผลผลิตประมงไทยจะกลับไปที่อเมริกาอีกประมาณสักหนึ่งแสนตัน มูลค่าราวสองหมื่นล้าน”

ปกติแล้วก่อนที่จะเป็น TIER3 อุตสาหกรรมประมงไทยส่งไปอเมริกาเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2553-2556 อยู่ที่ 3.3 แสนตัน มูลค่า 6.5 หมื่นพันล้านบาท …เป็นที่หนึ่งมีสัดส่วนเกือบ 20% จากความต้องการ 2 ล้านตัน ตอนนี้…ค่อยๆลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ เหลือประมาณสัก 1.6 ล้านตัน

ปี 2558 ไทยส่งออกเหลือ 13% ขณะที่อินเดียมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็คืออินโดนีเซีย อันดับสามคือเอกวาดอร์ อันดับสี่คือเวียดนาม อันดับห้าคือไทย เมื่อปลดล็อกแล้วก็หวังว่าน่าจะเป็นอันดับที่ 4, 3, 2 ต่อไปในอนาคต…ถ้าแก้ปัญหาทั้งสองเรื่องได้ ทั้งตลาดอียูและอเมริกาขยับกลับไปลำดับที่ 1 คงไม่ไกลเกินเอื้อม

ทำความเข้าใจอีกสักครั้งกับการจัดระดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking In Persons Report: TIP …ระดับ TIER1 ก็คือประเทศที่ดำเนินการสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายของสหรัฐฯ…ระดับ TIER2 ก็คือประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายสหรัฐฯ

ซึ่งจะแยกย่อยไปอีก ระดับ TIER2 เฝ้าระวัง…ก็คือไม่ดำเนินการตามมาตรฐานขั้นต่ำแล้วก็ยังมีเหยื่อค้ามนุษย์เพิ่มขึ้น โดยไม่มีหลักฐานในการพยายามแก้ไข

แล้วก็มาถึงระดับต่ำสุด TIER3 ประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายของสหรัฐฯ และสหรัฐฯอาจพิจารณาระงับการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ

อย่างที่บอกไปแล้วว่า “ตลาดประมงสหรัฐฯ” สำคัญกับอุตสาหกรรมประมงไทยไม่น้อย เป็นตลาดหลักเก่าแก่ดั้งเดิมมานาน มีกลุ่มผู้บริโภคประมาณ 500-600 ล้านคน…คงไม่ต้องถามว่าสำคัญไหม?

“อเมริกาคือตลาดใหญ่ของเราในอดีต และ…ปัจจุบันก็เป็นตลาดใหญ่อันดับหนึ่ง รองลงมาคือสหภาพยุโรป แล้วก็ตะวันออกกลาง ถ้าเราปลดล็อกตลาดใหญ่ซึ่งเป็นตลาดที่มีอำนาจ มาตรฐานสูงได้ เท่ากับว่าเราเปิดทางไปยังตลาดอื่นๆทั่วโลกได้หมดเลย เหมือนกับว่า…เราก้าวข้ามที่สูงไปแล้ว”

เพราะฉะนั้นการตอบโจทย์อเมริกาได้เท่ากับว่าเราตอบโจทย์ประเทศอื่นๆทั่วโลกได้หมดเลย…ในการส่งออกอุตสาหกรรมประมงไทย

ปัญหาเรื่องของการจัดระดับ TIER หรือ IUU Fishing เป็นปัญหาภายนอกประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีมาตรฐานของเขาเอง…เป็นเรื่องที่เราต้องปรับตัว เพราะไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจเปิด เราต้องค้าขายกับต่างประเทศ ที่สำคัญคือ…เรื่องของการพัฒนาศักยภาพของกระบวนการผลิตในประเทศเราเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

หมายความว่า…ไม่ต้องมีคนอื่นมาฟ้องร้องเรา แต่ให้เราผลิตในกระบวนการมาตรฐานของเราเองอย่างน้อยคนในประเทศปลอดภัย เรื่องของการบริโภคหรือกระบวนการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม…ต้องบริโภคที่ไหนก็ได้กับคนไหนก็ได้ คนในประเทศไทยบริโภคก็ปลอดภัย คนต่างประเทศก็ปลอดภัย มาตรฐานเดียวกัน

เรื่องต่อมา…ถ้าเจอปัญหาก็เป็นกรณีเฉพาะรายไปที่ต้องสามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดจากการกระทำที่คลาดเคลื่อนหรือระบบผิดพลาดของหน่วยใด ธุรกิจใด ฟาร์มใด เพื่อให้หน่วยงานรัฐเข้าไปแก้ไขปัญหาได้ถึงต้นตอไม่ให้ลุกลามบานปลาย…ถ้าระบบดีแล้ว ทุกปัญหาย่อมจัดการได้ จริยา สุทธิไชยา รองเลขาฯ สศก.ฝากว่า

“อุตสาหกรรมประมง” หรือ “อุตสาหกรรมเกษตร” ประเทศไทยจะสดใส ต้องพัฒนาศักยภาพไปเรื่อยๆ…พยายามกระจายตลาดเท่าที่จะมากได้ ไม่พึ่งตลาดใดตลาดหนึ่งเพราะมีความเสี่ยง.

Leave a comment