ปรากฏการณ์ดาวอังคารโคจรใกล้โลกสุดในรอบ11ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/edu-health/227858

ดาวอังคาร,ดาวเสาร์,ดาวพฤหัสบดี,ปรากฏการณ์,ดาว,อังคาร,โคจร,โลก,รอบ

การศึกษา-สาธารณสุข  :  17 พ.ค. 2559

ปรากฏการณ์ดาวอังคารโคจรใกล้โลกสุดในรอบ11ปี

ปรากฏการณ์ดาวอังคารโคจรใกล้โลกสุดในรอบ 11 ปี สังเหตุเห็นได้ด้วยตาเหล่า สุกสว่างบนท้องฟ้าอย่างชัดเจน ใช้กล้องดูดาวทั่วไปเพื่อสังเกตุสภาพบนดาวอังคารได้

            เมื่อวันที่ 17 พ.ค.- ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รอง ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 22-31 พ.ค.59 นี้ จะเกิดปรากฎการณ์ดาวอังคารเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 11 ปี สามารถสังเกตเห็นดาวอังคารอย่างชัดเจนได้ด้วยตาเปล่าในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของท้องฟ้าหลังพระอาทิตย์ตก ดาวอังคารในช่วงนี้จะสุกสว่างมาก โดยสุกสว่างเป็นรองจากดาวศุกร์ที่สุกสว่างที่สุด และอาศัยแค่กล้องดูดาวขนาดเล็ก ก็สามารถเห็นรายละเอียดบนพื้นผิวดาวอังคารได้อย่างชัดเจน เพราะในช่วงวันดังกล่าวดาวอังคารจะมีขนาดใหญ่มาก โดยขนาดของดาวอังคารที่มองเห็นจะมีขนาดไล่เลี่ยกับดาวเสาร์ (ไม่รวมวงแหวน)

ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า โดยปกติ จะมีโอกาสเห็นดาวอังคารขนาดใกล้ไม่มาก เพราะวงโคจรของโลกกับดาวอังคารมีความแตกต่างกัน วงโคจรของดาวอังคารจะเป็นวงรีมากกว่าและใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 2 ปี แต่ ทุก ๆ 26 เดือนวงโคจรของโลกและดาวอังคารจะมาทันกัน เป็นตำแหน่งที่ดาวอังคาร โลก และดวงอาทิตย์ เรียงอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลาง หรือที่เรียกว่า กาวอังคารอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามดวงอาทิตย์(Opposition ) เป็นผลให้สามารถสังเกตเห็นดาวอังคารมีความสว่างมากกว่าช่วงเวลาอื่น อย่างไรก็ตาม ทุกๆ ประมาณ 15 ปี วงโคจรของโลกและดาวอังคารในตำแหน่ง Opposition จะเข้าใกล้กันมากที่สุด

“เมื่อเดือนพ.ย.2548 ดาวอังคารโคจรเข้ามาอยู่ใกล้โลกจนสามารถมองเห็นดาวจันทร์ได้ในขนาด 20 ลิปดา หลังจากนั้น ก็เริ่มโคจรห่างโลกออกไป แต่ปี 2559 ดาวอังคารจะโคจรเข้าได้ในขนาดใกล้เคียงกับปี 2548 โดยจะเริ่มโคจรเข้าในตำแหน่ง Opposition ตั้งแต่วัยที่ 22 พ.ค. ช่วงนี้จะเริ่มเห็นดาวอังคารสว่างชัดเจน จนเช้าวันที่ 31 พ.ค.นี้ ดาวอังคารจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดมีระยะห่าง 75.28 ล้านกิโลเมตร ขนาด 18.6 ลิปดา ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้ศึกษาดาวอังคารอย่างใกล้ชิด โดยจะสามารถมองเห็นดาวอังคารได้ชัดเจนประมาณ 2 เดือน ถึลประมาณเดือนมิถุนายน”

ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า เมื่อดาวอังคารเข้ามาใกล้โลกมาก เพราะฉะนั้นอาศัยแค่กล้องดูดาวขนาดเล็กก็ยังสังเกตเห็นรายละเอียดที่น่าตื่นตาตื่นใจบนพื้นผิวดาวอังคาร ที่น่าสนใจ คือ ภูเขาไฟบนดาวอังคาร ซึ่งมีการค้นพบทั้งหมด 4 ลูก ทุกลูกเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว เนื่องจากพื้นผิวดาวอังคารที่เย็นจัด อุณหภูมิเฉลี่ยบนดาวอังคาร ติดลบถึง 63 องศา และเป็นดาวเตราะห์ที่แกนกลางของดาวดับแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภูเขาไฟ 1ในจำนวนนั้นเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยจักรวาล ชื่อว่า ภูเขาไฟ Olympus Mon ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 600 กิโลเมตร หรือระยะทางจากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ และมีความสูงถึง 25 กิโลเมตร สูงกว่ายอดเขาเอเวอร์เรสต์กว่า 3 เท่า นอกจากยังสังเกตเห็นลักษณะพื้นผิวของดาวอังคารที่มีแถบสีเข้ม รวมทั้งอาจสามารถสังเกตเห็นขั้วน้ำแข็งบนดาวอังคาร รวมถึงสังเกตเห็นเมฆของดาวอังคาร ที่เกิดจากน้ำที่ขั้วโลกระเหิดขึ้นมาเป็นเกล็ดน้ำแข็งหรือไอน้ำในอากาศ เช่นเดียวกับเมฆบนโลก

“ในช่วง 4-5 ปีนี้ เป็นช่วงที่เหมาะแก่การศึกษาดาวอังคารเป็นอย่างมาก เพราะดาวอังคารเข้ามาใกล้โลก โดยในเดวันที่ 31 ก.ค.2561 ดาวอังคารจะอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์อีกครั้งด้วยระยะห่างเพียง 57.5 ล้านกิโลเมตร และในช่วง 22-31 พ.ค.นี้ จะสังเหตุเห็นดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์ได้หลังอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่า ดาวอังคารใกล้โลกไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อโลกทั้งสิ้น เพราะอยู่ห่างและขนาดเล็กกว่าโลกมาก มีมวลแต่ 1 ใน 10 ของโลก “

ดร.ศรัณย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) ได้เตรียมตั้ง 4 จุดสังเกตการณ์หลัก ชวนชม “ดาวอังคารใกล้โลกที่สุดในรอบ 11 ปี” ขึ้นในวันที่ 22 พ.ค.2559 ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ในกรุงเทพฯ บริเวณลานพาร์คพารากอน เชียงใหม่ที่หอดูดาวสิริธร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นครราชสีมาที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา และฉะเชิงเทราที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา และในวันที่ 31 พ.ค.ที่ ลานน้ำพุ ศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่

“ปรากฎการณ์ดาวอังคารใกล้โลกนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนได้เรียนรู้ สังเกตุการณ์ดาวอังคาร ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่ใกล้เคียงโลกมากสุด มีฤดูกาลคล้ายโลก แม้จะเย็นจัดแต่ฤดูร้อนบนดาวอังคาร อุณหภูมิเฉลี่ยถึง 30 องศา และพบหลักฐานว่า มีน้ำบนดาวอังคาร ซึ่งน้ำเป็นต้นกำเนิดของชีวิต เพราะฉะนั้น นักวิทยาศาตร์จึงยังไม่ตัดประเด็นความเป็นไปได้ ที่อาจบวอ่งมีขีสิตบนดาวอังคารออกไป”


Leave a comment