คร.เตือนอย่าเก็บ“ว่านจักจั่น”มากินพิษถึงตาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/edu-health/230195

ว่านจักจั่น,กรมควบคุมโรค
เครดิตภาพ เฟซบุ๊กYada Suwannasing อ้างอิิงจากเพจราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ

การศึกษา-สาธารณสุข  :  16 มิ.ย. 2559

คร.เตือนอย่าเก็บ“ว่านจักจั่น”มากินพิษถึงตาย

คร.เตือนประชาชน“ว่านจักจั่น”เป็นซากจักจั่นที่ติดเชื้อรา อย่าเก็บมากินเด็ดขาด อันตราย คลื่นไส้ อาเจียน ชัก เกร็งกระตุก ถึงตายได้

        เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รับรายงานพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการกินว่านจักจั่น จำนวน 2 ราย เป็นแม่ลูกกัน จากจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยทั้งสองคนเข้าไปหาเก็บเห็ดป่าแล้วขุดเจอว่านจักจั่น จึงนำมาทอดกินเย็นกันสองคนในช่วงเย็น จากนั้นตอนดึกของวันเดียวกัน ทั้งสองคนเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึม ชัก และเกร็งกระตุก ลูกอาการหนักญาติจึงพาไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล ส่วนแม่อาการไม่หนักให้รอที่บ้าน และญาติได้นำตัวอย่างว่านจักจั่นที่ทั้งสองคนกินก่อนมีอาการดังกล่าว มาให้แพทย์วินิจฉัยด้วย แพทย์จึงได้แจ้งทางญาติให้รีบพาผู้เป็นแม่เข้ามารับการรักษาทันที ขณะนี้ทั้งสองคนยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

“เหตุการณ์คล้ายกันแบบนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อปี 2557 ที่เกิดพร้อมกันถึง9ราย จากที่กินทั้งหมด11ราย หลังจากนำว่านจักจั่นมาทอดกินแกล้มเหล้า ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ชัก การรู้สึกตัวเปลี่ยน กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก อ่อนแรง ใจสั่น และเวียนศีรษะ เป็นต้น ซึ่งทั้ง9ราย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มีผู้อาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ1ราย ส่วน 2 รายที่ไม่มีอาการ เพราะกินเข้าไปแล้วรู้สึกรสชาติเฝื่อนจึงคายทิ้งก่อน ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคผู้ป่วยเป็นช่างรับทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร ที่ขุดเจอว่านจักจั่นแล้วนำมาทอดกินเช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ในครั้งนี้”นพ.อำนวยกล่าว

สำหรับว่านจักจั่น ที่ชาวบ้านนำมาทอดกิน นั้น เป็นเพียงซากของจักจั่นที่ติดเชื้อราแมลงและมีอยู่ในธรรมชาติ ไม่ใช่ว่านหรือพืชที่มีต้นคล้ายเห็ดอยู่เหนือดินและหัวใต้ดินอย่างที่เข้าใจ ว่านจักจั่นจะพบมากในช่วงฤดูฝน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีความชื้นสูง เมื่อจักจั่นตัวอ่อนที่กำลังโผล่ขึ้นจากดิน เพื่อลอกคราบ จักจั่นจะอ่อนแอ จึงมีโอกาสติดเชื้อราแมลงได้ง่ายและตายในที่สุด เชื้อราแมลงก็จะเจริญเติบโตในซากจักจั่น และแทงเส้นใยออกมานอกตัวจักจั่นและเจริญโครงสร้างสำหรับสืบพันธุ์ ทำให้ดูเหมือนมีราก หรือเขาออกมาจากตัวจักจั่น ซึ่งราแมลงที่ทำให้เกิดจักจั่นติดเชื้อรานี้ มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับแมลงชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น มด แมงมุม เพลี้ย ด้วง และหนอน เป็นต้น

นพ.อำนวย กล่าวอีกว่า จากที่ชาวบ้านนำว่านจักจั่นมาทอดกินและทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ อาจเกิดจากเชื้อราหรือจากจักจั่นหรือผลร่วมกันของทั้งเชื้อราและจักจั่น ทั้งนี้ เพราะจักจั่นสามารถอยู่ในดินได้ในระยะเวลานาน ทำให้บางคนอาจจะแพ้เชื้อรา แพ้จักจั่น หรือได้รับพิษสารเคมีที่อยู่ในดินที่ซากจักจั่นนั้นอยู่ก็ได้ ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนไม่ควรนำซากจักจั่นติดเชื้อรา หรือว่านจักจั่นมาบริโภค เพราะอาจเจ็บป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ หรืออาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422


Leave a comment