ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05091010259&srcday=2016-02-01&search=no
| วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 616 |
กศน. ทั่วไทย
“สุชล สุขเกษม” ศิษย์เก่าคนเก่ง ของ “กศน. บางคนที” จิรวรรณ โรจนพรทิพย์
จังหวัดสมุทรสงคราม หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “เมืองแม่กลอง” อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกเรียกว่า เป็นเมืองแห่งวิถีชีวิต 3 น้ำ เพราะโดดเด่นด้วยระบบนิเวศ 3 น้ำ คือ น้ำจืด น้ำเค็ม น้ำกร่อย กำลังถูกพัฒนาเป็นศูนย์กลางการพักผ่อนและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคมสมุทรสงครามมีความเข้มแข็งและดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
กศน. อำเภอบางคนที
กศน. อำเภอบางคนที มุ่งมั่นทำงานตามกรอบวิสัยทัศน์ ของ สำนักงาน กศน. จังหวัดสมุทรสงคราม ในการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตและการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำ รองรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวัฒนธรรมอันดีงามและส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการศึกษาตลอดชีวิตอย่างทั่วถึงเท่าเทียมกัน ในทุกที่ทุกเวลา พร้อมจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะในการประกอบอาชีพของบุคคลและกลุ่มบุคคล เป็นการแก้ปัญหาการว่างงาน และส่งเสริมความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชน
เพื่อให้การอ่านเป็นเรื่องใกล้ตัว กศน. อำเภอบางคนที จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างต่อเนื่อง เช่น จัดหาอาสาสมัครส่งเสริมการอ่านประจำตำบลเป็นสื่อกลางในการอำนวยความสะดวก ทำหน้าที่สอบถามความต้องการและนำหนังสือจากห้องสมุดประชาชนในพื้นที่มาให้อ่านถึงบ้าน ให้ชาวบ้านมีโอกาสได้อ่านหนังสือมากขึ้น
นอกจากนี้ ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอบางคนที ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน “เล่าข่าวให้เพื่อนฟัง” โดยบรรณารักษ์ได้นำหนังสือพิมพ์หลากหลายฉบับมาให้กับเด็กๆ ได้เลือกหนังสือพิมพ์ที่จะนำมาอ่านแข่งขันกัน และเด็กๆ ก็เลือกคอลัมน์พาดหัวข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์อ่าน เด็กคนไหนอ่านได้ถูกต้องรับรางวัลไปเลย ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นการฝึกสมอง ฝึกการใช้สมาธิ และใช้สติในการอ่านข่าว ทำให้เด็กๆ ได้รู้เหตุบ้านการเมืองในปัจจุบันอีกด้วย
“สุชล สุขเกษม” ศิษย์เก่า คนเก่ง
คุณสุชล เป็นหนึ่งในศิษย์เก่า คนเก่ง ที่ กศน. อำเภอบางคนที ภาคภูมิใจ เขาสมัครเรียนกับ กศน. ตั้งแต่วัยเยาว์ เริ่มจากการศึกษาระดับประถมจนจบระดับมัธยมปลาย เมื่อจบการศึกษา คุณสุชล ตัดสินใจช่วยพ่อแม่ทำอาชีพเกษตรกรรมมาตลอด จนกระทั่ง ปี 2532 จึงเดินทางไปขายแรงงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย นานถึง 8 ปี ทำให้เขาได้เรียนรู้การทำเกษตรของซาอุดีอาระเบีย และตั้งใจกลับบ้านมาทำเกษตรแบบพอเพียงพึ่งตนเองได้ คุณสุชลศึกษาเรียนรู้เรื่องการเกษตรในหลายพื้นที่ มาใช้พัฒนาที่ดินเกษตรกรรมของตัวเอง และสร้างแนวคิดใหม่ๆ ตามวิถีชีวิตเกษตรพอเพียง จนประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ กลายเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชาวบ้านในท้องถิ่นได้ศึกษาเรียนรู้
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ได้มอบรางวัลศิษย์เก่าด้านภูมิปัญญาดีเด่น ประจำปี 2555 แก่ คุณสุชล ในปีเดียวกันนี้ คุณสุชล ยังได้รับการคัดเลือกจากสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ให้ได้รับปริญญา สาขาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการจัดการอุตสาหกรรมอีกด้วย
ปัจจุบัน คุณสุชล เปิดบ้านเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง (เกษตรผสมผสาน) เช่น การทำน้ำตาลมะพร้าว การทำปุ๋ยหมัก การเลี้ยงกุ้งขังเดี่ยว การเลี้ยงไก่ไข่หลุม การปลูกผักปลอดสาร การเลี้ยงไก่ไข่ขังเดี่ยว การทำแก๊สชีวภาพจากมูลไก่ไข่ การเลี้ยงชันโรงผสมเกสรผลไม้ ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ จักรยานสูบน้ำ สาธิตพลังงานโซลาร์เซลล์ การกรองน้ำมันเก่าเป็นไบโอดีเซล ภายใต้การสนับสนุน จาก กศน. รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสิ้น 20 แห่ง ในแต่ละวันมีคนไทยและต่างชาติแวะเข้ามาเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
การเลี้ยงไก่หลุม
คุณสุชล ได้นำแนวคิดการเลี้ยงหมูหลุม มาประยุกต์เป็นการเลี้ยงไก่ไข่หลุม โดยก่ออิฐฉาบปูนเป็นคอกสี่เหลี่ยม ขนาด 1.5×3 เมตร ลึก 1 เมตร รองก้นบ่อด้วยแกลบดิบ หรือขุยมะพร้าวแห้งเทรองก้นบ่อ หนาประมาณ 2 นิ้ว อิฐที่ก่อก้อนบนสุดของคอกจะมีช่องช่วยระบายอากาศให้ไก่ไข่ เมื่อนำพันธุ์ไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้ 2-3 เดือน
เมื่อลูกไก่โตก็จะปล่อยลงเลี้ยงคอกละ 10-15 ตัว มีตาข่ายอวนเก่าปิดด้านบนคอกไม่ให้ไก่บินออกได้ มีถังให้อาหาร ถังน้ำ แขวนไว้ให้ไก่กินอาหารได้สะดวก ทุก 1 เดือน จะใส่แกลบดิบหรือขุยมะพร้าวแห้งใส่ลงไปในคอกหนา ประมาณ 2-3 นิ้ว ไก่ไข่ที่เลี้ยงมีสุขภาพที่ดี ไม่เครียด เพราะดูแลเก็บมูลไก่ทุกวัน เพื่อนำไปใช้เป็นปุ๋ยหมักใส่แปลงพืชผัก ผลไม้ ที่สำคัญมีไข่ไก่รับประทานทุกวัน ที่เหลือก็จำหน่าย พอไก่หมดไข่ก็จะได้ปุ๋ยหมักจากขี้ไก่อีก 100-200 กิโลกรัม ต่อคอก
การเลี้ยงไก่ไข่ขังเดี่ยว
กับต้นมะพร้าว
คุณสุชล ได้ทดลองเลี้ยงไก่ไข่ขังเดี่ยวกับต้นมะพร้าว ปรากฏว่าได้ผลดี เพราะต้นมะพร้าวได้มูลไก่เป็นปุ๋ยคอกทุกวัน ต่อมาได้พัฒนา สร้างคอกเลี้ยงไก่ไข่ไว้บนต้นมะพร้าว ต้นละ 2 คอก คอกละ 1 ตัว ไก่ไข่ก็อยู่อย่างสบายพอควร เจริญเติบโตได้ดีออกไข่ แถมต้นมะพร้าวก็ได้ปุ๋ยคอกทุกวัน ทำให้ต้นมะพร้าวเจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตได้ดี
หากใครสนใจวิธีนี้ ก็สามารถลงมือทำตามคุณสุชลได้ไม่ยาก เริ่มจากใช้ไม้ต้นมะพร้าวเลื่อยเป็นไม้หน้า 3 นิ้ว ยาวประมาณ 80 เซนติเมตร จำนวน 2 อัน แล้วใช้ตะปูตอกไม้หน้า 3 นิ้ว สูงจากโคนมะพร้าว ประมาณ 1.5 เมตร แล้ววางตะกร้าคอกไก่ทั้ง 2 ข้าง ของไม้หน้า 3 นิ้ว เลี้ยงไก่ไข่คอกละ 1 ตัว โดยใช้ตะกร้าพลาสติก 2 ใบ คว่ำเข้าหากัน เลี้ยงไก่ 1 ตัว ก็จะอยู่สบาย เพราะอากาศถ่ายเทดี ด้านบนของตะกร้าเลี้ยงไก่ คลุมด้วยถุงพลาสติกป้องกันแดด กันฝน ให้ไก่ นำกระบอกใส่อาหารและใส่น้ำให้ไก่ เก็บไข่ไก่พร้อมกับให้อาหารให้น้ำไปพร้อมๆ กัน
เลี้ยง กุ้งก้ามกราม
ในร่องสวนมะพร้าว
โดยทั่วไป เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามนิยมปลูกมะพร้าว เนื่องจากสภาพดินเป็นดินเหนียว การระบายน้ำไม่ดี จึงนิยมยกร่องปลูกมะพร้าว มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา คุณสุชล สังเกตเห็นว่า มีกุ้งใหญ่เข้ามาเจริญเติบโตตามร่องน้ำในสวนเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ค่อยได้ผลดี เพราะเวลากุ้งโตมักลอกคราบแล้วกินกันเอง ทำให้เกิดความสูญเสีย
คุณสุชล จึงจับลูกกุ้งก้ามกรามในร่องสวน ช่วงเวลากลางคืน เพราะเป็นช่วงเวลาที่น้ำแห้ง ใช้ไฟฉายส่องดู จะเห็นลูกกุ้งมีตาแดง ตัวสีเหลืองก็จับได้ง่าย นำลูกกุ้งมาเลี้ยงในกระชังหรือตะกร้าพลาสติกตาถี่ หาซื้อได้จากร้านค้าทั่วไป นำตะกร้า 2 ใบ คว่ำเข้าหากัน และใช้ขวดน้ำเปล่า ขนาด 1 ลิตร ทำเป็นทุ่นลอย ให้ตะกร้าจุ่มน้ำ 1 ลูก และอยู่บนน้ำ 1 ลูก เจาะรูด้านบนตะกร้าลูกที่อยู่บนน้ำ ขนาดกว้าง 3X3 นิ้ว แล้วปล่อยกุ้งลงไป ชุดละ 1 ตัว ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
เทคนิคการเลี้ยงกุ้งแบบนี้ กุ้งจะเจริญเติบโตได้ดีและไม่กินกันเองในเวลาที่กุ้งลอกคราบ เพราะมีตัวเดียว เป็นการสร้างรายได้ที่ดีสำหรับเกษตรกรชาวสวนมะพร้าว เพราะได้กุ้งก้ามกรามที่มีคุณภาพดีแบบกุ้งแม่น้ำไว้บริโภคหรือจำหน่าย สำหรับร่องน้ำ 1 ร่อง สามารถเลี้ยงกุ้งขังเดี่ยวได้ 20-50 กระชัง แล้วแต่ความยาวของร่องน้ำในสวนมะพร้าว เลี้ยงไว้ประมาณ 6-7 เดือน ก็จับขายได้ กุ้งใหญ่ ขนาดประมาณ 5-6 ตัว ต่อกิโลกรัม ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 500-800 บาท ทีเดียว
ไข่เค็ม รสต้มยำ
คุณสุชล ได้คิดค้นวิธีทำไข่เค็มรสต้มยำ ที่มีรสชาติอร่อยโดนใจผู้บริโภค วิธีทำก็แสนง่าย เริ่มจากเตรียมไข่เป็ดดิบประมาณ 20 ฟอง ล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้งก่อนเรียงใส่ในภาชนะดอง เช่น ถังพลาสติกหรือโหลแก้วที่มีฝาปิด ทำน้ำดองโดยเทน้ำสะอาด 4 ถ้วย ลงในหม้อ ตามด้วยเกลือเม็ด 1 ถ้วย ซอสปรุงรส 1 ขวดใหญ่ และข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว กระเทียม ที่หั่นพอแหลก ประมาณ 1 จาน นำมาต้มรวมกัน หลังจากเดือดให้รอสัก 5 นาที ยกลง ระวังอย่าต้มน้ำนาน เพราะน้ำสมุนไพรจะเหนียวหนืด ซึมเข้าไปในเปลือกไข่ได้ยากขึ้น น้ำต้มเครื่องปรุงเย็นแล้วให้เทลงจนท่วมไข่ ถ้าไข่ลอยให้นำใบเตยกดทับไว้ ดองนาน 12 วัน เมื่อครบกำหนดให้นำไข่มาล้าง ก่อนลงต้มพอน้ำเริ่มเดือด รอ 5 นาที ยกลง ก็จะได้ไข่เค็มรสต้มยำ รอสัก 8 วัน ก็นำไข่เค็มมาทอดเป็นไข่ดาว รับประทานได้ ไข่เค็มสูตรนี้สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานถึง 3 เดือน ถ้าเก็บแช่ในตู้เย็น หากวางในอุณหภูมิปกติจะใช้งานได้ไม่เกิน 1 เดือน
หากใครสนใจอยากเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของ คุณสุชล สุขเกษม สามารถแวะเข้าชมได้ทุกวัน ที่ บ้านเลขที่ 56 หมู่ที่ 7 ตำบลจอมปลวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เบอร์โทรศัพท์ (086) 178-4157