ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05057010259&srcday=2016-02-01&search=no
| วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 616 |
เทคโนโลยีการเกษตร
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
แค่…ง่าย ง่าย เพียงใจรัก เปลี่ยนระเบียงบ้าน เป็นสวนผักไฮโดรโปนิก กลางกรุง
กระแส “สวนผักคนเมือง” ดูจะได้รับการตอบรับจากสังคมเป็นอย่างดี เหตุผลหนึ่งน่าจะเกิดมาจากความเป็นพิษของพืชผักที่ใช้บริโภค และยิ่งนับวันจะทวีคูณรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น จึงไม่แปลกที่สวนผักคนเมืองเป็นแนวคิดคู่ขนานกับเกษตรอินทรีย์
หลักคิดของสวนผักคนเมือง ต้องการตอบโจทย์ข้อจำกัดบางอย่างของวิถีชีวิตคนเมือง ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือแม้แต่อาคารชุด ถ้ามีใจรักการปลูกพืชผักเป็นทุนเต็มร้อยแล้ว ก็สามารถใช้พื้นที่ตามความเหมาะสมของที่พักอาศัยสร้างเป็นสวนผักของตัวเองได้ไม่ยาก แถมยังช่วยลดความเครียด ได้ออกกำลังกายตามอิริยาบถต่างๆ หรือบางรายถึงกับสร้างรายได้เลยก็มี
อีกตัวอย่างของความสำเร็จในการแปลงบ้านเป็นสวนผัก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงแถวเขตลาดพร้าว บ้านหลังนี้หากมองจากภายนอกคงดูไม่ต่างจากบ้านพักอาศัยทั่วไป แต่เมื่อมองผ่านรั้วกำแพงกลับพบการสร้างโรงเรือนปลูกผัก อีกทั้งเมื่อแหงนหน้าขึ้นไป พบว่าที่ระเบียงชั้น 2 มีโรงเรือนปลูกผักอีกแห่ง แล้วความน่าสนใจอยู่ตรงเป็นตระกูลผักเมืองหนาวหลายชนิด??
แต่ว่าไม่ได้ปลูกไว้รับประทานกันภายในครอบครัวอย่างเดียว ยังปลูกส่งขายตามร้านอาหารด้วย เลยสงสัยว่าสภาพแวดล้อมอย่างในกรุงเทพฯ นี้ เขาปลูกผักเมืองหนาวสำเร็จได้อย่างไร…ลองไปฟังคำตอบจาก คุณสิทธิเลิศ วงศ์ธนะเอนก หรือ คุณสิทธิ์ ว่าอะไรคือที่มาของผลสำเร็จเช่นนี้
บ้านคุณสิทธิ์ ตั้งอยู่เลขที่ 1 ถนนสตรีวิทยา 2 ซอย 10 ลาดพร้าว กรุงเทพฯ หากใครมีโอกาสเดินทางมาแถวถนนโชคชัย 4 พอจะรู้บ้างว่าตรอกซอกซอยในย่านนี้มีอยู่มาก เพราะถนน/ซอยทุกเส้นสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้หมด ฉะนั้น บ้านคุณสิทธิ์จึงตั้งตระหง่านอยู่ตรงหัวมุมปากซอย 10 ที่มีทั้งถนนทางตรงและทางลัดสำหรับผู้สัญจรผ่านไป-มา
คุณสิทธิ์ เผยถึงประวัติตัวเองว่า ปัจจุบัน มีอายุ 56 ปี เดิมเป็นพนักงานบริษัทที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ดูแลทางด้านไอที ลาออกมาได้สัก 4 ปี และมีเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกในครั้งนี้คือ เรื่องความเครียดจากภาวะการแข่งขันสูง ต่อมาคือ วัยอายุที่เกือบจะ 60 ปี
ประการสุดท้าย เพราะมีใจรักด้านปลูกต้นไม้ จึงอยากจะอยู่กับต้นไม้ในช่วงท้ายของชีวิตดีกว่า และคิดว่าถ้าได้อยู่กับต้นไม้ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบมากแล้วจะส่งผลให้สุขภาพแข็งแรง
ระหว่างทำงานในวันหยุดคุณสิทธิ์มักใช้เวลาทั้งหมดไปกับการปลูกต้นไม้อยู่กับบ้าน ซึ่งมีทั้งไม้ดอก ไม้ใบ พืชผักสวนครัว เขาบอกว่าชอบและมีความสุข เพราะรู้สึกถึงความผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่กดดันต่อสิ่งรอบข้าง ขณะเดียวกันถือเป็นการได้ออกกำลังกายไปพร้อมกันด้วย
ด้วยเหตุผลนี้ ก่อนจะลาออกจากงานได้คิดและวางแผนไว้ล่วงหน้าว่า จะหากิจกรรมอะไรเกี่ยวกับต้นไม้ทำ ทั้งนี้อาจทำแล้วเกิดมีรายได้บ้าง เพื่อสร้างความภูมิใจ ดังนั้น จึงมองไปที่ผักสลัด เป็นผักเมืองหนาว เป็นผักสลัดในต่างประเทศ เพราะดูเป็นความท้าทายเล็กน้อย และต้องการปลูกแบบไม่ใช้ดินหรือเป็นการปลูกแบบไฮโดรฯ
จากนั้น จึงไปหาซื้อชุดปลูกขนาดเล็กที่สามารถปลูกได้ จำนวน 25 ต้น มาทดลองก่อน แล้วพบว่าไม่ยากอย่างที่คิด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงตัดสินใจไปหาความรู้จากการอบรมหลักสูตรระยะสั้นเพื่อให้รู้ลึกมากยิ่งขึ้น
ภายหลังที่อบรมมาแล้ว จึงไปหาซื้อชุดโต๊ะปลูกอีก 1 ชุด เพื่อนำมาขยายจำนวนปลูก พร้อมไปกับการหารายละเอียดว่าจะพบปัญหาอย่างใดตามมา แล้วก็ไม่พบปัญหาอีกเช่นกัน แต่ดูเหมือนจะหยุดความสนุกของคุณสิทธิ์ไม่อยู่ เพราะเขาต่อยอดการปลูกผักเพิ่มขึ้นด้วยการใช้โต๊ะปลูกสำเร็จที่ซื้อมาเป็นต้นแบบ แล้วว่าจ้างให้ช่างมาก่อสร้างให้ โดยใช้บริเวณระเบียงชั้น 2 ของบ้าน ขนาด 5 คูณ 10 เมตร เป็นโรงเรือนสวนผักไฮโดรโปนิกทันที ต่อมาอีกไม่นานจึงขยายพื้นที่มาสร้างโรงเรือน ขนาด 4 คูณ 6 เมตร อีกแห่ง บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน
ในขั้นตอนการปลูก เจ้าของบ้านให้รายละเอียดว่าก่อนอื่นไปหาซื้อเมล็ดพันธุ์จากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มีคุณภาพจริง แล้วให้นำเมล็ดพันธุ์มาเพาะเพื่อให้เป็นต้นกล้าในถ้วยปลูกขนาดเล็ก ที่ภายในถ้วยมีวัสดุปลูกสำคัญคือหินภูเขาไฟ สัก 2 วัน จะมีต้นกล้าขนาดเล็กงอกขึ้นมา แล้วปล่อยต่อไปอีกสัก 10 วัน จนแตกใบเลี้ยง จำนวน 3 ใบ จึงย้ายลงโต๊ะปลูกขนาดใหญ่ พร้อมไปกับการให้ปุ๋ย ดูแลรดน้ำ และตกแต่งใบ
ลักษณะการปลูกผักจะแบ่งเป็นรุ่น จำนวน 5 รุ่น รุ่นละ 300 ต้น จำนวนต้นผักที่ปลูกทั้ง 2 แห่ง รวมกันประมาณ 1,500 ต้น โดยจะปลูกสัปดาห์ละรุ่นหมุนเวียน จำนวนวันนับจากเมื่อเริ่มเพาะเมล็ดต้นกล้า จนเก็บได้ ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์
“การให้น้ำต้องเป็นระบบน้ำหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง แล้วห้ามขาด เพราะถ้ารากแห้งจะเฉาและตาย การให้ปุ๋ยจะใส่ลงในถังที่ใช้เป็นระบบน้ำหมุนเวียน โดยเป็นถังขนาด 200 ลิตร ใช้ปุ๋ยเคมี จำนวน 2 ชนิด อย่างละประมาณ 400 ซีซี สำหรับสูตรการใส่ปุ๋ยผู้ปลูกแต่ละรายอาจไม่เหมือนกัน เพราะต้องดูความเหมาะสมของปัจจัยอื่น เช่น สถานที่ปลูก ความสมบูรณ์ของผัก”
ความถี่ในการใส่ปุ๋ยนั้น เขาบอกว่าต้องให้สังเกตระดับน้ำเป็นหลัก เพราะถ้าระดับน้ำพร่องลง ก็จะดูว่าต้องเติมน้ำให้ถึงระดับมาตรฐานเท่าไร แล้วค่อยคำนวณ ว่าต้องเติมปุ๋ยลงไปอีกเท่าไร
ผักที่คุณสิทธิ์ปลูกไว้ เน้นผักสลัดเมืองหนาว จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ กรีนโอ๊ค (Green Oak) เรดโอ๊ค (Red Oak) บัตเตอร์เฮด (Butter Head) คอส (Cos) และผักเรดคอร์รอล (Red Corral) ความจริงผักประเภทนี้ปลูกได้ดีในเมืองหนาว จึงไม่ชอบอุณหภูมิร้อน แต่กลับชอบแดด ดังนั้น การปลูกให้มีคุณภาพจึงต้องหาวิธีแนวทางปรับ ดัดแปลง ลักษณะการปลูกเพื่อให้เกิดความเหมาะสมเท่าที่สภาพพื้นที่จะเอื้ออำนวย
“ฉะนั้น น้ำหนักต่อต้นถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวต้นมีความสมบูรณ์ สวยงาม มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักประมาณ ต้นละ 1 ขีด ซึ่งถือว่าเป็นขนาดปานกลาง แต่ถ้าหน้าร้อนคงจะด้อยลงมาบ้าง แต่จะใช้วิธีควบคุมอากาศให้มีความเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหาย”
ด้านปัญหาโรค/แมลงที่เจอ อย่างโรคที่พบคือ รากเน่า สามารถป้องกันได้ด้วยการหมั่นใส่ใจดูแลรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความสมดุล อย่าให้น้ำมีอุณหภูมิสูง ควรหมั่นตัดแต่งใบ ติดตั้งระบบสเปรย์น้ำแบบตั้งเวลา เพื่อควบคุมอุณหภูมิแวดล้อมให้มีความชื้นที่เหมาะสม ส่วนแมลงศัตรูที่มารบกวนจะไม่ใช้สารเคมีกำจัด แต่จะใช้น้ำฉีดไล่
การจำหน่าย จะมีลูกค้ามารับซื้อที่บ้าน จำนวนที่ขายครั้งละ 300 ต้น หรือคิดเป็นน้ำหนัก 20-30 กิโลกรัม ขายปลีก กิโลกรัมละ 120 บาท ผักทุกชนิดมีราคาเดียวกัน จะซื้อชนิดเดียวหรือคละชนิดผักได้ แต่ถ้าซื้อจำนวน 5 กิโลกรัม ขึ้นไป คิดกิโลกรัมละ 100 บาท
ปัจจุบัน การปลูกผักสลัดไฮโดรโปนิกของคุณสิทธิ์ได้รับความสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นขาประจำหรือขาจร และมักรู้จักกันในชื่อ “Hydro Terrace” ทั้งนี้ เขามีกลุ่มลูกค้าประจำ 2 ลักษณะ คือ กลุ่มหนึ่งเป็นร้านอาหารที่ทำสลัด แล้วใช้ผักตกแต่ง กับอีกกลุ่มเป็นผู้ผลิตสลัดกล่องส่งขาย และการพิจารณาว่าจะปลูกผักชนิดใด จำนวนเท่าไร จะดูจากความต้องการของลูกค้าขาประจำเป็นหลัก แล้วยังบอกว่าผักที่ขายดีคือ เรดโอ๊ค และกรีนโอ๊ค
คุณสิทธิ์ บอกว่า การปลูกผักไฮโดรโปนิก ถ้าใส่ใจก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนทำได้ ทุกเพศทำได้ ผู้สูงอายุก็ทำได้ เพียงแต่ควบคุมปัจจัย 3 อย่าง ให้ดี คือการควบคุมอุณหภูมิน้ำและสภาพแวดล้อม ดูความเข้มของปุ๋ยที่ใส่ในน้ำ และสุดท้ายคือ การปรับความสมดุลของสภาพน้ำ หรือ ค่า pH เท่านั้น ก็สามารถปลูกได้อย่างมีคุณภาพ
นอกจากนั้น ยังเผยถึงงบฯ ลงทุน สำหรับผู้สนใจด้วยว่า สมมติถ้าท่านมีพื้นที่สักขนาด 3 เมตร คูณ 5 เมตร ก็สามารถปลูกได้สัก 150 ต้น ก็จะมีค่าลงทุนซื้ออุปกรณ์ชุดปลูกทั้งหมดประมาณหมื่นบาท
ถามว่าในอนาคตจะคิดขยายการปลูกเพิ่มขึ้นไหม?? เจ้าของบ้านเผยว่า คงไม่แล้ว เพราะความตั้งใจแรกจะทำเป็นงานอดิเรกมากกว่า เนื่องจากชอบต้นไม้ ต้องการหาความสุข พักผ่อน เพื่อทำให้อายุและสุขภาพแข็งแรงยืนยาวนั่นคือ ความตั้งใจหลัก แต่การมีรายได้เข้ามาบ้าง ถือเป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะได้มาก/น้อย ก็ไม่กระทบ ถือว่าการมีกิจกรรมทำในแต่ละวัน สร้างความสุขกาย สบายใจ เท่านั้น
“การที่พวกเราเป็นคนเมือง สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ความเครียด ฉะนั้น ทางออกที่ดีคือ การหากิจกรรมอะไรก็ได้ทำ และยิ่งดีถ้ากิจกรรมนั้นมีพัฒนาการของผลสำเร็จ ดั่งการปลูกผักที่ผมทำอยู่ เพราะช่วยลดความเครียดลงได้อย่างเห็นชัด เนื่องจากความเครียดถือเป็นภัยร้ายแรงต่อตัวเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผลจากกิจกรรมที่ทำแล้วจะก่อให้เกิดรายได้เป็นตัวเงินหรือไม่อย่าไปสนใจ เพราะผลโดยตรงที่แท้จริงจากที่คุณได้รับคือ ความสุข” คุณสิทธิ์ฝากทิ้งท้าย
สนใจ ปลูกผักไฮโดรโปนิก หรือหากต้องการผักสลัด สอบถามรายละเอียดกับ คุณสิทธิเลิศ วงศ์ธนะเอนก (คุณสิทธิ์) ทางโทรศัพท์ได้ ที่ (089) 137-5335