ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05113010259&srcday=2016-02-01&search=no
| วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 616 |
วิถีท้องถิ่น
กฤช เหลือลมัย
Fisherfolk”s journey โลกสีคราม ของ “คนจับปลา”
ช่วงปลายปี 2558 มีงานเล็กๆ สนุกๆ แถมได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง “ปลาๆ” มากมาย ที่ รูท การ์เดน ปากซอยทองหล่อ 3 สุขุมวิท กรุงเทพฯ งาน Fisherfolk”s journey มี 2 วัน คือ วันที่ 14-15 พฤศจิกายน ครับ จัดขึ้นโดยองค์การ Oxfam เครือข่ายประมงพื้นบ้าน ประจวบคีรีขันธ์ สมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย สมาคมรักษ์ทะเลไทย และนิตยสาร WAY
นอกจาก ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำประมงพื้นบ้าน การตรวจหาสารพิษในสัตว์น้ำ วงจรการจับ รักษาสภาพ และส่งขายสัตว์ทะเล ผ่านบอร์ดข้อมูลสีสันเร้าใจ เวทีเสวนา การสาธิตโดยชาวประมงตัวจริงแล้ว ยังมีของทะเลสดๆ จากร้าน “คนจับปลา” จำหน่าย กับทั้งมีโชว์ประชันการปรุงอาหารทะเลหลากสไตล์กัน ชนิดที่ว่าน้ำย่อยน้ำลายไหลกันไปทั้งงานทีเดียว
มีหลักฐานว่า คนไทยที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไปในผืนแผ่นดินต่างก็ได้กินผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทะเล อย่าง กะปิ น้ำปลา ปูเค็ม และปลาเค็ม มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วนะครับ ยิ่งนับวันการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็วก็ยิ่งเปิดโอกาสให้เราได้กินปลา ปู กุ้ง หอย สดๆ อร่อยๆ จากทั้งทะเลไทย ทะเลพม่า ทะเลจีน ทะเลเวียดนาม กระทั่งทะเลแถบยุโรปตอนเหนือ…โลกเรานี้บางทีก็น่าประหลาด ทุกขณะที่มันกว้างขึ้น มันก็แคบลง บางวัน เราอาจโชคดีได้ลิ้มรสปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์ บางวันก็กุ้งล็อบสเตอร์จากสวีเดน ทว่าเกือบทุกวัน เรากินปลาทู ปลาน้ำดอกไม้ ปลาเก๋า ปลาทราย โดยลืมสงสัยไปว่า ปลาพื้นๆ พวกนี้มาจากไหน จับด้วยวิธีอะไร โดยเรือประมงแบบไหน
อาจบางที มันเป็นความคับแคบของโลกในใจเราเอง ที่ไม่เคยแคลงใจสงสัยว่า เราเสียอะไรไปบ้าง เพื่อแลกกับการได้กินปู ปลา หอย เหล่านี้
…
คำบอกเล่าของ พี่จิรศักดิ์ มีฤทธิ์ ชาวประมงพื้นบ้านชุมชนคั่นกระได ประจวบคีรีขันธ์ ในวงเสวนาช่วงเย็นวันแรกของงาน ฉายภาพสงครามชายฝั่งขนาดย่อมๆ แถบทะเลประจวบคีรีขันธ์ ที่มองไม่เห็นความสมดุลของกำลังรบระหว่างกองเรือทั้ง 2 ฝ่าย เอาเลย
ผมหลับตาเห็นภาพเรือประมงพื้นบ้านขนาดย่อม ใช้อวนลอยตระเวนจับปลาในเขตรัศมีไม่เกิน 3 ไมล์ทะเล จากชายฝั่ง อันเป็นระยะที่ตกลงกันว่าเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้เรือประมงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ใช้อวนรุนลากล่วงล้ำเข้ามา บางครั้งพวกเขาทำ “ซั้งกอ” ต้นไม้น้ำจำลองจากไม้ไผ่ ทางมะพร้าว แท่งปูน ทิ้งไว้ในทะเลเป็นระยะ เพื่ออภิบาลฝูงปลา ทั้งช่วยยืดระยะไม่ให้ฝูงปลาทูว่ายย้ายถิ่นขึ้นน่านน้ำด้านเหนือเร็วเกินไปจนจับไม่ทัน
แต่หน้าที่อีกอย่างของซั้งกอคือ คอยกันไม่ให้เรืออวนลากรุกล้ำเข้ามาในเขตหวงห้ามด้วย เนื่องจากแม้ที่ประจวบคีรีขันธ์จะมีการขอร้องเรือใหญ่ที่ข้ามเขตมา ให้เปลี่ยนมาใช้เครื่องมือแบบเดียวกับเรือพื้นบ้าน แต่ไม่ใช่ทุกลำที่จะทำตาม
อวนรุนของเรือประมงพาณิชย์ที่ดักกวาดเอาปลาทุกชนิด ทุกขนาด นับเป็นการจับปลาที่ทำลายความหลากหลายและปริมาณสัตว์น้ำอย่างรุนแรง
พี่จิรศักดิ์ เล่าเรื่องหอยลายอีกว่า การจับหอยลายส่วนใหญ่จะใช้เรือที่มีกำลังสูง ลากตะแกรงถี่ที่ตะกุยพื้นทะเลลงไปกว่า 1 ฟุต นานนับชั่วโมง จากนั้นคัดเลือกเอาแต่หอยลาย ส่วนหอยหนามหรือหอยอื่นๆ โยนทิ้งไป การลากที่ว่านี้จะพลิกเอาปฏิกูลใต้ดินเลนขึ้นมา ทำให้ไข่หมึกและไข่ปลาเสียหายมาก ปู ปลา ก็จะไม่เข้ามาในบริเวณนั้น
กรณีของ หอยจอบ ยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก เรือประมงหอยจอบซึ่งปัจจุบันมีกว่า 100 ลำ จะใช้คน 6-7 คน ต่อลำ ผูกตะกั่วถ่วงน้ำหนักที่เอว เดินลงใต้น้ำ ถือปั๊มฉีดน้ำให้ผิวพื้นทรายเปิด เพื่อเอาเพียง “เอ็น” หอยจอบ ที่ยาวราว 3 เซนติเมตร ส่วนเนื้อและเปลือกโยนทิ้ง วิธีนี้ทำให้เกิดการฟุ้งกระจาย สัตว์น้ำขนาดเล็กส่วนใหญ่จะตาย ดังเคยมีการประท้วงของชาวประมงพื้นบ้านจากสามร้อยยอดเมื่อไม่นานมานี้
ในเมื่อพวกเขาใช้ “ทะเลหน้าบ้าน” เป็นแหล่งยังชีพ จึงย่อมต้องครุ่นคำนึงเป็นพิเศษถึงวิธี เวลา และผลของการจับแต่ละครั้ง
ประเมินกันว่า ระบบนิเวศที่เสียไปแล้วนี้ จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ทีเดียว
…
ทว่า ท่ามกลางจักรวาลแห่งท้องสมุทรอันไพศาล ยังมีโลกสีครามใบเล็กๆ ใบหนึ่งหมุนรอบตัวเองอย่างแช่มช้าอยู่รอบๆ ชายฝั่งอ่าวไทยแถบท่าศาลา นครศรีธรรมราช มาจนถึงบ่อนอก ประจวบคีรีขันธ์
ร้าน “คนจับปลา” เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันในนามเครือข่ายประมงพื้นบ้าน ประจวบคีรีขันธ์ ถือหุ้น 20% สมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยถือหุ้น 20% ที่เหลือ 60% เป็นของสมาคมรักษ์ทะเลไทย ดำเนินกิจการแบบวิสาหกิจชุมชนมาเป็นเวลาปีเศษๆ มีหน้าร้านอยู่ที่สี่แยกบ่อนอก ประจวบคีรีขันธ์ และท่าศาลา นครศรีธรรมราช จำหน่ายของทะเลสดที่ชาวประมงพื้นบ้านจับด้วยเครื่องมือที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีการอนุรักษ์และฟื้นฟูท้องทะเลคู่ไปกับการทำประมง ส่งสินค้าวันต่อวัน ไม่ใช้ฟอร์มาลินยืดอายุ
“เป้าหมายของเราต้องการให้ชาวประมงเป็นเจ้าของกิจการ 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปเมื่อกิจการร้านคล่องตัวขึ้น สมาคมรักษ์ทะเลไทยก็จะคืนหุ้นทั้งหมดให้ชาวประมง” เสาวลักษณ์ ประทุมทอง ตัวแทนสมาคมรักษ์ทะเลไทย หัวเรี่ยวหัวแรงหลักของร้านคนจับปลาบอกไว้เช่นนั้น
ร้านคนจับปลา จะรับซื้อของทะเลจากชาวประมงในราคาสูงกว่าตลาดราว 20% ซึ่งถือเป็นราคาที่คำนวณแล้วว่ายุติธรรม ขณะที่ผลกำไรอย่างน้อย 30% มีการคืนให้ชุมชน ที่เหลือ 10% บริจาคให้วัดสี่แยกบ่อนอก ซึ่งเป็นที่ตั้งร้าน ที่เหลือเป็นทุนสนับสนุนงานฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล ดังเช่น โครงการธนาคารปูม้า เพาะบ่มปูไข่สุกในพื้นที่ปลอดภัยที่ทำให้สามารถให้ไข่ต่อตัวได้ 200,000-400,000 ฟอง หรือแผนการระยะยาว คือการพยายามตั้งระบบ Bluebrand standard ออกฉลากรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์สินค้าชาวประมงพื้นบ้าน ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของสมาคม เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่สินค้าประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนในที่สุด
…
ผมได้ปลาทูสดจาก ร้านคนจับปลา ในงาน Fisherfolk”s journey มา 2 ถุง เป็นปลาที่สดจริงๆ ครับ ควักไส้ทำความสะอาดอย่างดี บรรจุถุงพลาสติกแน่นหนา ผมเคยเอาเข้าช่องแช่แข็งในตู้เย็น ก็พบว่าอยู่ได้นานเป็นเดือน และสดกิ๊กเหมือนใหม่พร้อมปรุงทันทีที่ละลายน้ำแข็งแล้ว
พวกชาวประมงมักพูดกันว่า ถ้าจับอย่างถูกวิธี ปลาทูจะไม่มีวันหมดจากทะเลไทย เขาเล่าว่า หลังการปิดอ่าวเพียง 2 สัปดาห์ รุ่งขึ้น เรือประมงสามารถจับปลาทูขึ้นท่าได้นับแสนๆ ตัวทีเดียว
ปลาทูชอบเล่นแสงไฟ ดังนั้น เมื่อมีเรือลักลอบจับปลากะตักในตอนกลางคืน ลูกปลาทูก็จะติดขึ้นมาด้วย การพยายามออกกฎห้ามจับปลากะตักตอนกลางคืนก็ยังไม่ประสบผล
“กินลูกปลาทู ก็เหมือนฆ่าเด็ก” คำพูดของชาวประมงคนหนึ่งแว่วขึ้นมาอีกครั้ง มันทำให้ผมคิดว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เรายังคงต้องต่อสู้กันต่อไป ตั้งแต่เรื่องเรือหอยจอบ เรื่องการกินลูกปลาทู ฯลฯ
เรื่องฆ่าเด็กก็เช่นกัน…