ความเชื่อ พลังหิน และกำลังใจ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05122150259&srcday=2016-02-15&search=no

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 617

เขียว สวย หอม กินได้

ความเชื่อ พลังหิน และกำลังใจ

ฉันมีเพื่อนที่ศึกษาเรื่องหินจนถึงขั้นระดับที่รู้ว่าหินแบบไหนมีคุณอย่างไร หรือควรใช้ในโอกาสไหน เธอเขียนเรื่องหินจนมีหนังสือเกี่ยวกับหินมาแล้วหลายเล่ม และต่อมาก็ซื้อหินมาขาย เธอเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เพื่อไปดูหิน

ฉันสนใจแค่มันสวยดี สวยทุกชิ้น ไม่ว่าหยิบชิ้นไหน แต่ฉันเห็นแค่ความงามและเป็นเครื่องประดับเท่านั้น เมื่อฉันไม่ใช้เครื่องประดับ ฉันจึงไม่สนใจที่จะเอามาเป็นเจ้าของ แค่ชื่นชมแล้วก็ผ่านเลยไป จำได้ว่าเพื่อนเคยถามว่าชอบไหม ฉันยังส่ายหน้าแทนพยักหน้า เพราะกลัวเพื่อนจะให้ เกรงใจเธอ และคิดว่าเอาไว้ให้คนที่จำเป็นต้องใช้ดีกว่า

ต่อมา เธอเปิดร้านเล็กๆ ในบ้าน ขายหิน มีหินเพิ่มขึ้น ช่วงนี้เป็นปีที่ 10 เธอมีร้านขายหินเป็นเรื่องเป็นราวถึง 2 สาขา มีสารพัดหิน มีให้ซื้อหลากหลาย

เดือนก่อนแวะไปดู บางชิ้นมันงามจริงๆ บอกเธอว่า เมื่อไหร่ที่เลิกอาชีพนี้ หินเหลือก็ทำเป็นพิพิธภัณฑ์หินเลย

เธอพูดว่า หินมันจะดึงดูดเราเข้าหามันเอง

ฟังเฉยๆ สำหรับคนที่มองเห็นหินแค่ความงาม ซึ่งฉันคิดว่าแค่ชื่นชมความงามฉันก็เพียงพอแล้ว แล้ววันหนึ่งในขณะที่เดินเล่นอยู่ในร้านหินของเพื่อน ฉันก็สนใจหินลูกหนึ่ง ไปหยิบขึ้นมา เป็นลูกกลมๆ เพราะคิดถึงช่วงที่เล่นทุ่มน้ำหนัก ทำท่าจะทุ่มเหมือนเมื่อครั้งเล่นทุ่มน้ำหนักกีฬาที่ฉันชอบ ลูกเหล็กจะหนักแต่อยู่ในอุ้มมือ พักไว้ที่คอ โยกตัวนิดหนึ่งก่อนที่จะทุ่มออกไปให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ ใครทุ่มได้ไกลก็จะชนะ ฉันทำท่าจะทุ่มแบบเหมือนเป็นลูกเหล็กทุ่มน้ำหนัก พนักงานรีบเข้ามา

ฉันวางมันลงเพราะรู้ว่าแพงมาก พนักงานในร้านพูดอย่างสุภาพ

“หนูเก็บให้นะคะ”

“ค่ะ เก็บเลยค่ะ ไม่ได้คิดจะทุ่มจริงแค่ทำท่าเท่านั้น”

ฉันไปหยิบหินก้อนเล็กมาถือเอาไว้ รู้สึกเย็นมือดี มือเย็นทำให้รู้สึกสบายขึ้น ในช่วงที่อากาศที่กรุงเทพฯ ร้อนมาก

เธอบอกว่า ให้ฉันเพราะเป็นหินบำบัดความเศร้า ฉันจำชื่อไม่ได้แล้วมีสีเขียว เธออธิบายต่อว่า นี่แหละที่เรียกว่า หินมันดึงดูดเรา มีหินมากมายแต่พี่เลือกที่จะเอาชิ้นนี้มากำไว้นานมาก เพราะรู้สึกดีใช่ไหม

“พี่มีความเศร้าอยู่มาก” เธอว่า

“ใช่ ฉันมีความเศร้าอยู่มาก และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดความเศร้านี้ ความจริงฉันเป็นคนป่วย และพยายามที่จะหายจากอาการป่วย”

ฉันไม่รู้ว่าเพราะหินหรือเพราะเพื่อน แต่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นจริงๆ และเอาหินติดตัวไปด้วยตลอดเวลาที่อยู่กรุงเทพฯ

แล้ววันหนึ่งฉันก็พบว่า ฉันมีเพื่อนที่ควรจะได้หินนั้นมากกว่าฉัน ในวันที่ฉันไปเยี่ยมเพื่อนที่เราไม่ได้พบกันมานานกว่า 10 ปี เพื่อนที่เคยสนิทสนมกันในวัยเยาว์ เขาคล้ายคนสูงวัย ซึ่งฉันก็เช่นกัน และเขาป่วยมาก เราคุยเรื่องความทุกข์กันอยู่พักหนึ่ง ฉันหยิบหินขึ้นมาส่งให้เขา และบอกเขาว่า เป็นหินที่คลายความทุกข์ เศร้า เพื่อนที่มีความรู้เรื่องหินมากคนหนึ่งของประเทศนี้ให้มา

เขาบอกว่า พี่ก็เก็บไว้ซิ

“ไม่เป็นไรอยากให้ เราค่อยไปหาเพื่อนแล้วขอใหม่อีกก้อนได้”

ฉันรู้สึกดีที่เห็นเพื่อนยิ้มและพูดตลกๆ ว่า

“ถ้าเหงา เศร้า เอามือวางบนหัวและจะพบว่า พี่ยังมีผมอยู่เสมอ”

ฉันหัวเราะ เราหัวเราะด้วยกัน

“ยังมีขำได้ แสดงว่าหินนี้ทำให้อารมณ์ดี”

เขาคงไม่รู้ว่าหลังจากที่กลับมา ฉันเอามือไปวางบนหัวบ่อยๆ เพื่อพบว่า “พี่ยังมีผมอยู่เสมอจริงๆ”

หลายวันมานี้ฉันรู้สึกทุกข์ เศร้า จึงเขียนไปหาเพื่อนผู้ชำนาญด้านหินบำบัด ฉันคิดว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว มนุษย์ต้องหาวิธีการที่จะอยู่ให้ได้

ก่อนหน้านี้เพื่อนรุ่นน้อง เธอขอให้ฉันติดต่อเพื่อนให้ เพราะต้องการหินปลดหนี้ ฉันยังรู้สึกขำในใจ เพราะการเอาเงินไปซื้อหินนั้นจะเป็นการเป็นหนี้เพิ่ม เพราะเธอขอให้ผ่อนเป็นงวดๆ แต่โชคดีเพื่อนของฉันบอกว่าจะยกหินให้เธอเฉยๆ

และเธอก็ค่อยๆ ผ่อนหนี้ได้จริงๆ ด้วยพลังและกำลังใจของเธอ เธอบอกว่าเธอมีกำลังใจ และพยายามคิดว่าจะหารายได้จากไหนเพื่อใช้หนี้…การหยุดคิด ตั้งหลัก และกำลังใจนี่แหละที่ช่วยได้

เพื่อนบอกว่า “หินปลดหนี้ ชื่อ คยาไนต์ Kyanite และ หิน 3 ประสาน คือ นำ 3 ชนิด มาร้อยรวมกัน มีคุณสมบัติปลดหนี้ พิทักษ์ทรัพย์ ชื่อ kyanite+Iolite+Hessonite”

ส่วนหินบำบัดนั้น เธอว่า “หินบำบัดอาการเจ็บป่วยมีเยอะ ส่วนใหญ่จะแนะนำหิน 7 จักระ คือมีสีตามจักระ หรือจุดลำเลียงพลังของร่างกาย แต่ถ้าเจ็บปวด อย่าง ปวดขา เข่า กระดูก เราจะแนะนำหินฟลูออไรด์ บำรุงกระดูกและฟัน บำบัดอาการปวดขา ปวดเข่า ปวดเส้นเอ็นกล้ามเนื้อได้ดีมาก หินส่วนใหญ่ไม่มีในเมืองไทย เมืองไทยมีบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้ใช้ เพราะเราสั่งหินนำเข้ามา”

ฉันยังไม่ได้หินความเศร้า บอกเพื่อนว่าจะไปเอาเอง ไม่อยากรบกวนให้เขาส่งมา ความทุกข์ เศร้า ห่อหุ้มตัวฉันจนหนา และฉันคิดว่ายากที่จะสลัดมันออกไปได้ ในระหว่างรอไปเอาหิน เพื่อนๆ บอกให้ฉันไปพบจิตแพทย์ หรือไปสำนักปฏิบัติธรรม ทั้ง 2 อย่างคือทางออกที่ดี เป็นเทคนิคการมีชีวิตอยู่แต่ฉันยังไม่ไป ฉันคงนอนกอดความทุกข์ เศร้า ของฉันต่อไป เพื่อนบอกว่า ฉันเสพความเศร้าไปแล้ว

ฉันปกปิดความเศร้าไว้อย่างดีมาก ฉันยิ้ม หัวเราะกับผู้คน ฉันไปทำงานได้ ร่วมกิจกรรมต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งคือ ฉันร้องไห้ได้ตลอดเวลาเมื่ออยู่คนเดียว น้ำตาไหลไม่หยุด

เพื่อนที่อยู่ฝ่ายสมาธิ บอกว่า ให้ฝึกใจเรา ถ้าเริ่มรู้ตัวว่าไม่ค่อยดี ใช้วิธีที่ครูอาจารย์ทางธรรมท่านสอน คิดอะไร รู้สึกอะไร ให้สักแต่ว่ารู้ ไม่ได้ห้ามไม่ให้คิด แต่อย่าปรุงแต่ง มันจะไปกันใหญ่ พอเครียด ไม่ถูกใจ ไม่พอใจ ตามดูลมหายใจตัวเอง แบบสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง ไม่เพ่งดู หรือคลึงปลายนิ้วมือกับนิ้วโป้งช้าๆ หรือพลิกคว่ำหงายมือข้างใดข้างที่ถนัดช้าๆ ไม่ต้องเพ่งมองการกระทำ แต่ให้ใจรู้ว่ากระทำอยู่ ทำไปเรื่อยๆ เป็นสมาธิแบบง่าย แนวหลวงพ่อเทียน ลองดู

เมื่อคืนฉันลองขยับมือทำดูรู้สึกว่าดีขึ้น หลับไปตอนไหนไม่รู้

ยามเช้า เพื่อนผู้หวังดีบอกว่า

ฉันควรจะท่องบทแผ่เมตตา การแผ่เมตตาคือการให้อภัย ทั้งให้อภัยตัวเองและให้อภัยผู้อื่น บางทีเราเจ็บปวดกับการไม่ให้อภัยตัวเองด้วย

เช้านี้ฉันลองท่องบทแผ่เมตตาแล้วรู้สึกดีขึ้นจริงๆ

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อเวราโหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยา ปัจฌา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้ทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย

สุขขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

เป็นเทคนิคการมีชีวิตที่ดีขึ้นได้บ้าง ซึ่งบางทีเราไม่อาจจะพึ่งสิ่งเดียวได้ ต้องพึ่งหลายๆ สิ่ง เพราะความทุกข์ของเราก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งเดียวเท่านั้น

แต่สำหรับคนที่จะใช้หินบำบัด หรือสนใจเรื่องหินได้ที่นี่ค่ะ ถือว่าแบ่งปันและโฆษณาให้เพื่อนด้วยค่ะ https://web.facebook.com/jnasongkhla?fref=ts จุฑามาศ ณ สงขลา

Leave a comment