ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05050150259&srcday=2016-02-15&search=no
| วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 617 |
รายงานพิเศษ “บึงกาฬโมเดล” ยุทธวิธีแก้ปัญหายางครบวงจรอย่างยั่งยืน
จิรวรรณ โรจนพรทิพย์
สัมภาษณ์พิเศษ “พินิจ จารุสมบัติ” ผู้นำยุทธวิธี “บึงกาฬโมเดล” แก้ปัญหายางครบวงจร
คนไทยหลายล้านคนต่างรู้จักและคุ้นเคยกับชื่อเสียงของ “คุณพินิจ จารุสมบัติ” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ผู้มีบารมีทางการเมืองที่มากล้น ได้ประกาศยุติบทบาททางการเมือง ขอทำหน้าที่เป็นแค่กุนซือให้คำแนะนำแก่นักการเมืองรุ่นหลังเท่านั้น คุณพินิจมุ่งมั่นบุกเบิกปลูกยางพาราในจังหวัดบึงกาฬ จนมีพื้นที่ปลูกยางมากเป็นอันดับ 1 ของภาคอีสาน
คุณพินิจ ทำงานช่วยเหลือสังคมในฐานะนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน และใช้ช่องทางดังกล่าวดึงนักลงทุนจากจีนเข้ามาตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราที่จังหวัดบึงกาฬ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวน ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดบึงกาฬดีวันดีคืน และใช้ยางพาราเป็นจุดขายจัดงานประจำปี ภายใต้ชื่อ “งานวันยางพาราและกาชาดบึงกาฬ” อย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี ในครั้งนี้ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ได้รับเกียรติจากคุณพินิจมาพูดคุยเกี่ยวกับทิศทางตลาด การลงทุนในอุตสาหกรรมยางพารา และยุทธวิธี “บึงกาฬโมเดล” ต้นแบบของวงการอุตสาหกรรมยางพาราสำหรับแก้ปัญหายางครบวงจร
ปลื้ม รัฐบาลยกย่อง “บึงกาฬโมเดล” แก้ไขปัญหายางได้ยั่งยืน
ดร. วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด วันยางพารา และกาชาดบึงกาฬ 2559 ได้กล่าวยกย่องชาวบึงกาฬว่า เป็นผู้มีความพากเพียรที่จะช่วยตัวเองและร่วมมือกับรัฐ ตามหลักประชารัฐ สำหรับแก้ปัญหาตัวเองและชาติบ้านเมือง ถือเป็นแบบอย่างที่น่าสนใจ เรียกว่า บึงกาฬโมเดล เป็นแบบอย่างที่จังหวัดอื่นๆ พึงมาเรียนรู้และดัดแปลงเอาอย่าง
ที่ผ่านมา จังหวัดบึงกาฬเน้นผลิตวัตถุดิบต้นน้ำคือ ยางพารา และวัตถุดิบกลางน้ำคือ ยางเเท่ง ปัจจุบัน ผมได้ร่วมทุนกับจีน จัดตั้งโรงงานผลิตยางแท่ง มูลค่า 200 ล้านบาท ที่บ้านโนนไพศาล อำเภอบุ่งคล้า คาดว่า การก่อสร้างโรงงานจะเสร็จสมบูรณ์ก่อนสิ้นปี 2559 เมื่อโรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินงาน จะรับซื้อน้ำยางสดไม่ต่ำกว่าวันละ 60 ตัน ซึ่งยางแท่งดังกล่าวจะเน้นผลิตส่งออกป้อนตลาดจีน เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตยางล้อรถยนต์ในอนาคต
ต่อไปจังหวัดบึงกาฬจะมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มกันเพื่อแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม มากกว่าจะขายวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม การเเปรรูปยางพาราเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ต้องศึกษาเรื่องการพัฒนาตลาดควบคู่กันไปด้วยว่า ผลิตภัณฑ์ไหนเป็นที่ต้องการของตลาด ไม่ใช่ส่งเสริมแปรรูปหมอนอย่างเดียวหมดทั้งประเทศ มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับยางอีกเยอะ
“บึงกาฬรับเบอร์กรุ๊ป” ประชารัฐร่วมแก้วิกฤตยาง
หนึ่งในตัวอย่างนำร่อง “บึงกาฬโมเดล” ที่เกิดจากความร่วมมือประชารัฐที่ดี คือ “โครงการบึงกาฬรับเบอร์กรุ๊ป” ของชุมนุมสหกรณ์กองทุนสวนยางจังหวัดบึงกาฬ จำกัด ภายใต้การดำเนินการของจังหวัดบึงกาฬ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ ที่ร่วมลงทุนก่อสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราสู่อุตสาหกรรมปลายน้ำ โดยโรงงานแห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เมื่อเปิดดำเนินงานคาดว่า โรงงานแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตหมอน-ที่นอนยางพาราใหญ่สุดในไทย พร้อมผลิตยางแผ่นรมควัน สนามเด็กเล่น กรวยแปดเหลี่ยมยางพารา ในอนาคตจะพัฒนาเป็นล้อรถยนต์ ล้อรถแทรกเตอร์ รถไถนาด้วย โดยคาดหวังว่า จะเป็นทางออกของวิกฤตยางพาราที่ยั่งยืนที่สุด ช่วยแก้ไขปัญหาราคายางให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายของรัฐบาล
โครงการบึงกาฬรับเบอร์กรุ๊ป เป็นการบริหารจัดการยางพาราอย่างเป็นระบบครบทุกมิติ สร้างทางเลือกและเพิ่มมูลค่าผลผลิตยางพารา สร้างโอกาสให้กับเกษตรกรทั้งภาคผลิตและการตลาด สร้างโอกาสการแข่งขันในทุกระดับ เมื่อโรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินงาน จะมีความต้องการใช้น้ำยางสดจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากเดิมที่เคยผลิตยางก้อนถ้วย ต้องหันมาผลิตน้ำยางสดแทน ซึ่งเกษตรกรจะทำงานได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญได้น้ำยางบริสุทธิ์ ที่สะอาด ปลอดภัยมากขึ้นเพราะไม่ต้องใช้สารเคมีคือ น้ำกรดหยดในถ้วยยางเหมือนในอดีต นอกจากนี้ ชุมนุมสหกรณ์ฯ ประกาศรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรในราคาสูงกว่าท้องตลาด 1.50-2 บาท/กิโลกรัม อีกต่างหาก แถมสิ้นปีจะได้รับเงินปันผลจากค่าหุ้นสมาชิกอีกก้อนหนึ่ง เรียกว่า โครงการนี้เกษตรกรมีแต่ได้กับได้
โครงการบึงกาฬรับเบอร์กรุ๊ป หมดห่วงเรื่องการหาตลาด เพราะ “คุณบัณฑิต หลิมสกุล” เลขาธิการกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์หมอนยาง เป็นสินค้าที่มีอนาคตสดใสมาก เพราะเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพที่ราคาไม่สูง เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในตลาดจีน และกลุ่มสมาชิกอาเซียน เช่น พม่า เวียดนาม ลาว เป็นต้น
นอกจากนี้ ท่านรองนายกฯ วิษณุ รับปากว่าจะสนับสนุนเรื่องผลิตภัณฑ์กรวยยางแปดเหลี่ยม ท่านอยากเห็น อบต. จัดซื้อสินค้าตัวนี้ไปใช้ และติดชื่อ อบต. บนผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถช่วยสร้างความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินแก่ผู้ใช้เส้นทางในระบบจราจร แถมสินค้าชนิดนี้ยังมีโอกาสพัฒนาเป็นสินค้าส่งออกป้อนตลาดอาเซียนหลายล้านชิ้น ยังไม่นับรวมตลาดจีน ในระยะยาวผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จะมีโอกาสส่งออกได้อีกมหาศาล โดยทั่วไป การผลิตสินค้ากรวยยางแปดเหลี่ยม จำนวน 1 ชิ้น จะใช้วัตถุดิบน้ำยางสดหรือยางก้อนถ้วยในกระบวนการผลิต ประมาณ 2 กิโลกรัม หากผลักให้เกิดแรงซื้อภายในประเทศและผลักดันเป็นสินค้าส่งออก 100 ล้านชิ้น ก็เท่ากับใช้ปริมาณยาง 200 ล้าน กิโลกรัมแล้ว ช่วยกระตุ้นการแปรรูปยางภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น มั่นใจรัฐบาลแก้ไขปัญหายางพาราได้ถูกทาง
นโยบายรัฐบาลที่มุ่งเเก้ปัญหาราคายางตกต่ำ โดยส่งเสริมเรื่องการแปรรูปและให้หน่วยงานของรัฐเป็นตัวนำในการใช้ผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ให้กระทรวงคมนาคมใช้ยางพาราผสมในการทำถนน เเละสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ใช้ยางพาราเพิ่มขึ้น รวมถึงการผลักดันราคายางกิโลกรัมละ 45 บาท นับเป็นการแก้ไขปัญหายางพาราที่ดี และเเก้ปัญหายางพาราได้ถูกทางเเล้ว
ยุทธศาสตร์การแก้ปัญหายางพารา ต้องเน้นเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูป เพราะเป็นทางออกที่ชัดเจนและเห็นผลเป็นรูปธรรมที่สุด ขณะเดียวกัน เกษตรกรเรียนรู้พึ่งพาตนเองโดยการรวมกลุ่มกันให้เข้มแข็ง เช่น ชุมชนสหกรณ์ยางพาราจังหวัดบึงกาฬ ทำอยู่ในขณะนี้ เมื่อส่งเสริมการแปรรูปแล้วก็ให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล เช่น กระทรวงพาณิชย์ไปดูในเรื่องช่องทางการตลาด กระทรวงอุตสาหกรรมไปดูในเรื่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยเกษตรกรเพิ่มมูลค่ายาง
สถานการณ์สวนยางจังหวัดบึงกาฬ
แม้วิกฤตราคายางพาราในตอนนี้ จะค่อนข้างหนักมากในรอบ 10 กว่าปี แต่ชาวสวนยางส่วนใหญ่ในจังหวัดบึงกาฬ ยังคงรักษาพื้นที่ทำสวนยางพารา เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่กรีดยางเอง ไม่เจอขาดทุนมากจนถึงขั้นโค่นสวนยางทิ้ง เพราะมีรายได้เข้ามาอยู่เเล้วเเต่อาจจะน้อยลงบ้าง
ภาวะเศรษฐกิจโลกที่หดตัวลง ทำให้เงินฝืด คนไม่มีกำลังซื้อรถยนต์ ทำให้ราคายางชะลอตัวลง เเต่ความต้องการยางพารายังไม่ลดลง ตลาดยังมีความต้องการจะใช้ยางพาราอยู่ต่อเนื่อง ในอนาคตยางสังเคราะห์ที่ผลิตจากน้ำมันดิบจะมีแนวโน้มลดลงเพราะโรงกลั่นหลายแห่งปิดตัวลงจากภาวะราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ตลาดโลกหันมาใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์ราคาพาราภายในปี 2560 จะขยับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน
ในอนาคตจังหวัดบึงกาฬ มีเส้นทางการค้าที่สำคัญคือ สะพานมิตรภาพเเห่งที่ 5 เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ตอกย้ำบทบาทบึงกาฬ เมืองหลวงยางพารา เพราะทันทีที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 สร้างเสร็จ จะช่วยอำนวยความสะดวกทำให้การขนส่งสินค้าจากบึงกาฬ ไปถึงท่าเรือ จังหวัดฮาติงห์ ประเทศเวียดนาม และส่งต่อวัตถุดิบทางเรือไปประเทศจีน ญี่ปุ่น เเละไต้หวัน ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมาก ที่จะเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญในอนาคต
พัฒนา “งานยางบึงกาฬ” เป็นงานอินเตอร์ระดับภูมิภาค
การจัดงานวันยางพาราบึงกาฬในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “บึงกาฬเมืองแห่งยางพารา การค้า และการท่องเที่ยว” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้จังหวัดบึงกาฬเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยางพาราของภาคอีสาน และตอกย้ำภาพลักษณ์ เมืองแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย บรรยากาศงานวันยางพาราบึงกาฬในปีนี้จัดอย่างเข้มข้น มุ่งเน้นสู่การยกระดับเกษตรกร สู่การแปรรูปและการยกระดับนวัตกรรมการเเปรรูปยางพารา โดยกลุ่มชุมชนสหกรณ์ผลักดันให้เกิดการตั้งโรงงานผลิตหมอน ผลิตที่นอนยางพารา สนามเด็กเล่นจากยางพารา ผลิตกรวยจราจรแปดเหลี่ยมจากยางพารา และเปิดตัวนวัตกรรมพิเศษ คือเครื่องกรีดยางอัตโนมัติ มีชาวสวนยางหลายภูมิภาค เช่น ตรัง พังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี หนองคาย สกลนคร และอุดรธานี ฯลฯ อยากเรียนรู้กลไกการทำงานของเครื่องกรีดยางอัตโนมัติที่นำมาเปิดตัวในงานวันยางพาราบึงกาฬ
งานวันยางพาราบึงกาฬถูกพัฒนาเป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ รูปเเบบการจัดงานเป็นระบบ 2 ภาษา คือภาษาไทยเเละอังกฤษ เน้นให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนยาง นำเสนอนวัตกรรมใหม่สำหรับลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตและเพิ่มรายได้ในสวนยาง ทำให้มีเกษตรกรชาวสวนยางจากภาคใต้ มีตัวเเทนชาวสวนยางพาราจากเเขวงบอลิคำไซ แขวงคำม่วน แขวงเชียงขวาง ประเทศลาว กลุ่มรับเบอร์ วัลเล่ย์ จากประเทศจีน กัมพูชา เเละมาเลเซียเข้าร่วม เเละมีเลขาธิการกรอบความร่วมมือเอเชีย ACD มาร่วมงานเป็นปีเเรกด้วย
ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เป็นยุทธปัจจัยที่มีความสำคัญต่อโลก ต่อความมั่นคงทางการทหาร เนื่องจากยางเป็นยุทธปัจจัยในการรบด้วย ในปีหน้าวางแผนยกระดับงานแสดงสินค้ายางพาราอย่างยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียน โดยเชิญประเทศผู้ผลิตยางรายอื่น เช่น ศรีลังกา อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย ฯลฯ เข้ามาร่วมงานในอนาคต
ฝากการบ้านถึงภาครัฐ
ผมอยากให้รัฐบาลต้องเป็นผู้นำด้านการแปรรูปยาง โดยสนับสนุน เงินทุนปลอดดอกเบี้ย หรือจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านยางพาราเข้ามาช่วยสอนเรื่องการแปรรูปยางให้แก่กลุ่มสหกรณ์ เพราะในต่างประเทศ เช่น เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น แม้ไม่มีสวนยางเป็นของตัวเอง แต่ละประเทศล้วนมีสถาบันวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ล้อรถยนต์ ขอบกระจกรถ เครื่องบิน รั้ว สายพานลำเลียง ฯลฯ ภายใต้การสนับสนุนของภาครัฐ ที่ผ่านมา จีนก็ต้องส่งคนไปเรียนรู้เรื่องการแปรรูปในกลุ่มประเทศยุโรป เช่น ผู้ผลิตยางมิชลินของฝรั่งเศล และเยอรมนี ฯลฯ หากไทยมีการพัฒนาต่อยอดความรู้เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลุ่มเกษตรกรไทยจะผลิตล้อยางรถยนต์ ล้อรถมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ ออกขายได้เช่นเดียวกับไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น