เลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิง อิงแอบธรรมชาติ ที่ตะกั่วป่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05040150259&srcday=2016-02-15&search=no

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 617

เกษตรอินทรีย์และวิถีสุขภาพ

องอาจ ตัณฑวณิช Ongart8117@gmail.com

เลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิง อิงแอบธรรมชาติ ที่ตะกั่วป่า

หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นพืชที่เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า ดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติที่ไม่มีสารเคมีอื่นใดเข้าไปรบกวน แหล่งกำเนิดในธรรมชาติถูกทำลายไปมาก แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องการสูญพันธุ์ เนื่องจากมีการปลูกเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายและมีการผสมพันธุ์ข้ามชนิดกันมากมายจนได้พันธุ์แปลกๆ น่าสะสมและน่าปลูกเลี้ยงกันเป็นงานอดิเรก

คุณณรงค์ ครองชนม์ หรือ คุณเล็ก เดิมเป็นนักวิชาการเกษตรของศูนย์ส่งเสริม (พืชสวน) จังหวัดสมุทรสาคร กรมส่งเสริมการเกษตร รับหน้าที่ดูแลกล้วยไม้สกุลหวาย และไม้ตัดใบเฮลิโคเนีย อยู่หลายปี ต่อมาได้ลาออกกลับมาทำสวนยางพาราที่บ้านเดิมที่จังหวัดพังงา เนื่องจากสวนยางนี้ติดกับเขา มีสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติและมีความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้จึงมาปลูกกล้วยไม้พันธุ์แท้จำหน่ายอยู่หลายปี ต่อมามีปัญหาเรื่องโรคแมลงรบกวน วันหนึ่งเข้าไปในป่าใกล้ๆ สวน เห็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงซึ่งเป็นพืชกินแมลงและเห็นแมลงถูกกำจัดในหม้อ จึงมีความคิดว่ามีพืชอีกชนิดคือหม้อข้าวหม้อแกงลิงไม่ถูกแมลงรบกวน แต่กลับกำจัดแมลงเสียด้วยซ้ำ จึงนำหม้อข้าวแกงลิงมาเลี้ยงบนโต๊ะกล้วยไม้ เพื่อแก้ปัญหาแมลง ต่อมาได้เลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิงจนเป็นอาชีพ ส่วนกล้วยไม้ได้ปลูกเลี้ยงน้อยลง

หม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่พบในจังหวัดพังงา

หม้อข้าวหม้อแกงลิงที่พบในจังหวัดพังงามี 3 ชนิด จากจำนวน 14 ชนิดที่พบในประเทศไทย คือ มิราบิลิส (Mirabilis) หม้อมีสีเขียวและเอวคอด ซึ่งพบบริเวณเชิงเขาในที่ชุ่มชื้นบริเวณนี้ และอีก 2 ชนิด คือ อันดามันน่า (Andamana) หม้อมีจุดสีแดงลาย และ ไวกิ้ง (Viking) หม้อมีรูปทรงเหมือนเรือไวกิ้ง มีแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติบนเกาะพระทอง เกาะคอเขา ในจังหวัดพังงา และได้นำเมล็ดมาเพาะเลี้ยงไว้ในสวนของคุณเล็ก ก็สามารถเจริญเติบโตได้ดีเหมือนกับในถิ่นกำเนิดบนเกาะ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

หม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ เป็นไม้เลื้อยที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ลักษณะของเหง้าจะคล้ายโสม มีระบบรากที่ตื้น บางชนิด เช่น มิราบิลิส ที่คุณเล็กเคยพบในป่า ยาวถึง 30 เมตร เนื่องจากเป็นไม้เถาที่อายุยืน ในบางช่วงที่ขาดน้ำ ต้นจะยุบ ต่อเมื่อมีฝนตกก็จะแตกใบออกมาอีก แต่ถ้าต้นอยู่ในสภาพปกติที่ปลูกเลี้ยงจะไม่ยุบต้นลง เนื่องจากสภาพความชื้นและปริมาณน้ำเพียงพอ ในสภาพธรรมชาติหม้อข้าวหม้อแกงลิงบางชนิดมีถิ่นกำเนิดที่สภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งและดินที่เสื่อมโทรม ทำให้ต้นต้องพัฒนาใบมาเป็นหม้อเพื่อจับกินแมลงเพื่อดูดซับธาตุอาหารช่วยเสริม นอกเหนือจากรากและใบที่ทำหน้าที่หาอาหาร

ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง จะสร้างหม้อขึ้น 2 ชนิด หม้อล่างจะอยู่ด้านล่างบริเวณโคน จะสังเกตเห็นสายดิ่งจะอยู่ด้านหน้า หม้อจะมีขนาดใหญ่และสีสันสวยงาม หม้อล่างจะผลิตน้ำตาลเพื่อล่อแมลง ซึ่งมักจะเป็นมดที่คลานอยู่ด้านล่าง ส่วนหม้อบนจะอยู่ด้านบนสังเกตที่สายดิ่งจะอยู่ด้านหลัง หม้อจะมีขนาดเล็กลงและสีสันไม่สดใสเท่าหม้อล่าง แต่จะทำหน้าที่ผลิตน้ำตาลและกลิ่น ซึ่งหม้อล่างจะไม่มีหน้าที่ผลิตกลิ่น และแมลงส่วนใหญ่ที่ติดกับ มักจะเป็นแมลงที่มีปีก เมื่อต้นในธรรมชาติมีความยาวเพิ่มขึ้น ใบที่มีหม้อบนอยู่จะลดบทบาทการสร้างหม้อเพื่อจับเหยื่อ กลายเป็นหนวดที่จะยึดเกี่ยวกิ่งไม้เพื่อให้สภาพต้นมีการดำรงอยู่ของต้นที่มั่นคงขึ้น

ในหม้อของหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะมีน้ำเหนียวที่มีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนจากแมลงและหม้อจะดูดซึมเข้าไปเพื่อใช้เป็นธาตุอาหารของพืช ด้านบนของหม้อจะมีฝาปิดเพื่อทำหน้าที่ไม่ให้น้ำฝนเข้าไปอยู่ในหม้อมากเกินไป เพราะจะทำให้สารเหนียวที่อยู่ในหม้อไม่สามารถทำหน้าที่ย่อยสลายซากสัตว์ได้เมื่อมีน้ำเข้ามาปนมากเกินไป แต่ในช่วงที่ฝนตกหนัก น้ำก็สามารถเข้าไปในหม้อได้เหมือนกัน แต่ธรรมชาติได้สร้างความสมดุลไว้ คือเมื่อน้ำเข้าไปจนเต็ม หม้อจะรับน้ำหนักไม่ไหวก็จะพลิกลงเพื่อเทน้ำ และก็จะพลิกกลับไปสู่สภาพเดิม

โดยปกติเมื่อแรกผลิใบ ต้นจะเริ่มสร้างหม้อจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนครึ่ง ถึง 4 เดือน หม้อจะสมบูรณ์และเปิดฝาครั้งแรก และหลังจากเปิดฝาครั้งแรกแล้วหม้อจะมีอายุอยู่ประมาณ 4 เดือน แล้วแต่ความสมบูรณ์และการกัดกินของหม้อจากด้านนอกของแมลง ในสภาพธรรมชาติช่วงฤดูฝนจะเป็นช่วงฤดูที่ต้นสามารถผลิตหม้อได้มากกว่าฤดูอื่น

การผสมเกสร และขยายพันธุ์

หม้อที่มีความสวยงามของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงไม่ใช่ดอกแต่เป็นวิวัฒนาการของใบ ต้นของหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะแยกเป็นเพศผู้และเพศเมีย คุณเล็กบอกว่า “ต้นตัวผู้ ตัวเมียของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะมีหม้อที่ไม่แตกต่างกัน แต่ดอกจะเกิดจากกาบใบ ถ้าเป็นดอกของต้นตัวผู้จะสังเกตว่าจะเป็นติ่งกลม ส่วนดอกของต้นตัวเมียจะเป็นตุ่มรีมีขนาดใหญ่กว่า และเกสรตัวผู้จะมีกลิ่นหอมเพื่อล่อแมลงให้มาเคล้าคลึงและนำเกสรไปติดต้นตัวเมียตามวิถีทางธรรมชาติ กลิ่นหอมของเกสรตัวผู้แต่ละต้นแต่ละชนิดจะมีกลิ่นหอมไม่เหมือนกัน”

ส่วนการผสมเกสร คุณเล็กเล่าว่า “เมื่อเกสรของตัวผู้มีกลิ่นจะพบว่าสีของเกสรจะเหลืองเข้มขึ้น จากดอกด้านล่างขึ้นไปด้านบน ค่อยๆ ทยอยแก่ จะใช้พู่กันค่อยๆ ปัดเกสรตัวผู้ลงในจานแก้วอย่างระมัดระวังเนื่องจากละอองเกสรเล็กมาก ถ้าเป็นไปได้ควรจะผสมทันที เนื่องจากการเก็บไว้จะทำให้เปอร์เซ็นต์การติดฝักลดลงแม้ว่าจะเก็บไว้ในตู้เย็นก็ตาม ดอกช่อหนึ่งๆ จะใช้เวลาบาน 5-7 วัน เราก็จะทยอยผสมทุกวัน เขียนป้ายวันผสมติดไว้ จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน แล้วแต่ชนิดและความสมบูรณ์พันธุ์ เมื่อฝักล่างที่ผสมก่อนจะมีอายุมากกว่าฝักอื่นนั้นแตก เราจะตัดเก็บทั้งช่อใส่ถุงพสาติกใสทันที นำไปตากให้แห้งประมาณ 1 แดด ก็จะนำไปเพาะซึ่งการงอกจะได้เปอร์เซ็นต์ที่ดีกว่า การเก็บรักษาไว้แม้ในตู้เย็นก็จะทำให้อัตราการงอกเสื่อมลง”

วิธีเพาะเมล็ด

การเพาะเมล็ดของต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง จะต้องนำขุยมะพร้าวอย่างเดียวหรือปนมะพร้าวสับก็ได้ในอัตรา 1 ต่อ 1 แช่น้ำจนชุ่ม นำมาใส่ตะกร้าโปร่ง หลังจากโรยเมล็ดลงไปก็จะใช้สเปก นำมอสส์ที่แช่น้ำจนชุ่ม โรยปิดไว้ข้างบน นำตะกร้าไว้ในร่มไม่ให้โดนแดด ใช้เวลาประมาณ 20-30 วัน ต้นก็จะเริ่มงอก และจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี ให้ปุ๋ยละลายช้า 3 เดือน สูตรเสมอ เมื่อต้นมีขนาดสูงประมาณ 1-3 เซนติเมตร จึงสามารถแยกออกมาปลูกในกระถางเดี่ยว ขนาด 3-4 นิ้วได้ จากนั้นใช้เวลาเลี้ยงต่ออีก 1 ปี ต้นจึงจะมีขนาดพร้อมจำหน่าย ฟังดูรู้สึกเหนื่อยเพราะใช้เวลานานมาก

การปลูกเลี้ยง

ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัดและความชื้นสูง ขาดน้ำไม่ได้ แสงที่ได้รับสามารถรับแสงได้ 50-100 เปอร์เซ็นต์ แต่ในสภาพแสง 100 เปอร์เซ็นต์ จะต้องใช้จานรองที่หล่อน้ำไว้ให้ตลอดเพื่อรักษาความชื้น แต่ในสภาพแสง 50 เปอร์เซ็นต์ อาจไม่ต้องใช้จานรองก็ได้แต่ต้องหมั่นให้น้ำอยู่เสมอ ต้นที่ปลูกในสภาพแสงแดดจัด ใบจะเล็กแต่หม้อจะใหญ่ ส่วนต้นที่ปลูกในสภาพแสงแดดรำไร ใบจะใหญ่ส่วนหม้อจะเล็ก ปุ๋ยที่ใช้ควรเป็นปุ๋ยละลายช้า ใส่ 3 เดือนครั้ง ในปริมาณไม่มากนัก แมลงศัตรูของหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะเป็นเพลี้ยแป้งและเพลี้ยหอย ส่วนตั๊กแตนจะเป็นแมลงที่กัดกินหม้อและใบ

การปลูกเลี้ยงในธรรมชาติ

เดิมบริเวณสวนเป็นแหล่งกำเนิดของหม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์พื้นเมือง คุณเล็กจึงทดลองนำหม้อข้าวหม้อแกงลิงพันธุ์ต่างประเทศชื่อ ซาราซีเนียร์ ของอเมริกานำมาปลูก ในสภาพที่ลุ่มชื้น ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ไม่แพ้ในธรรมชาติของแหล่งกำเนิด มีการแตกกอและเจริญเติบโตได้ดี โดยมีสีสันที่สดใส ในสภาพธรรมชาติอย่างนี้ไม่ต้องรดน้ำตลอดทั้งปี

ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ที่หัดเลี้ยง ให้หาเลี้ยงต้นที่มีราคาไม่แพงก่อน หลังจากที่ปลูกเลี้ยงได้สำเร็จ ค่อยเสาะหาพันธุ์ต่างประเทศหรือลูกผสมที่มีสีสดใส และความแปลกใหม่มาเลี้ยงเพิ่มเติม คุณเล็กแนะนำว่า การปลูกต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงให้ใช้ขุยมะพร้าวและมะพร้าวสับ ห้ามใช้ดินเด็ดขาดเพราะจะเน่าตาย มิน่าตอนนั้นซื้อมาเลี้ยง ด้วยความหวังดีไปเอาดินสำหรับปลูกบัวที่เป็นโคลนมาปลูก ปรากฏว่าตายเรียบ สวนของคุณเล็กที่ตะกั่วป่า คนที่สนใจเลี้ยงมักแวะเวียนเข้ามาซื้อต้นลูกผสมใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ การเข้ามาในสวนจะทำให้เราเรียนรู้ในการปลูกเลี้ยงที่ถูกต้อง โดยปกติสวนส่วนใหญ่มักไม่ให้คนเข้าไปดู แต่สวนนี้เปิดให้เข้าชมได้ตามสบาย นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดวิธีการปลูกเลี้ยงอย่างไม่ปิดบัง

สนใจเรื่องหม้อข้าวหม้อแกงลิง ติดต่อ คุณณรงค์ ครองชนม์ หรือ คุณเล็ก บ้านเลขที่ 57/16 ถนนเพชรเกษม ตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เบอร์โทรศัพท์ (084) 101-1385 และ (087) 476-4522

Leave a comment