ธปท.จัดทัพใหม่สู้ความผันผวนโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 ก.ค. 2559 06:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/664161

 

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินในระยะต่อไปที่จะมีความผันผวนสูงขึ้น ทำให้ ธปท.ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยต้องเชื่อมโยงข้อมูลเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อไม่ให้เกิดจุดเปราะบาง หรือฟองสบู่เล็กๆที่ก่อให้เกิดปัญหาเสถียรภาพโดยรวมที่ใหญ่กว่าได้ เพราะสภาพการเงินของโลกและในประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยลบ (Shocks) ที่จะเข้ามากระทบจะหลากหลาย รวดเร็ว รุนแรง และคาดเดาได้ยากขึ้น

ดังนั้น จึงมอบนโยบายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นจนกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ธปท.จะต้องจับควันให้ไว้ ดับไฟให้ทัน แม้ว่าจะเป็นไฟกองเล็กๆ ก็ต้องป้องกันอย่าให้ลาม เพราะระบบเศรษฐกิจในขณะนี้ มีความเชื่อมโยงมากขึ้น แม้ว่าความเสี่ยงอาจจะไม่ได้เกิดในระบบการเงิน แต่อาจจะเกิดในระบบเศรษฐกิจจริงได้

“เสถียรภาพโดยรวมของระบบการเงินของไทยในขณะนี้ไม่มีปัญหา ภาพรวมยังดีอยู่ แต่สิ่งที่ทำไปคือ มองไปข้างหน้าก่อน โดยเฉพาะการให้ความสนใจในการนำมาตรการป้องกันความเสี่ยงเชิงระบบแบบเฉพาะเจาะจง กลุ่มเป้าหมาย (Macro Prudential) มาใช้ในการดำเนินนโยบายทาง การเงินมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้นโยบายดอกเบี้ย รวมทั้งจะปรับบทบาทของการดำเนินนโยบายเพื่อที่ดูแลเฉพาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แทนที่จะใช้นโยบายการเงินในภาพรวม นอกจากนั้น ยังสามารถพิจารณาใช้นโยบายการเงินอื่นๆที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วย”

นายวิรไทกล่าวว่า ในสภาพเศรษฐกิจไทยขณะนี้ การใช้นโยบายดอกเบี้ยอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ธปท.กังวลถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ทำให้เกิดพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนสูง จากการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยนักลงทุน ประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เช่น หุ้นตัวเล็ก และตราสารหนี้ที่มี คุณภาพต่ำลง หรือลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆมากขึ้น รวมถึงความสามารถ ในการชำระหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) และครัวเรือนเกษตรกรซึ่งลดลงต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และปัญหาภัยแล้งที่ทำให้หนี้ครัวเรือนของเกษตรกรมีเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนกรณีความเสี่ยงทางการเมืองจากกรณีการลงประชามติ รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น มองว่าการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอาจไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยมากนัก เพราะตลาดและภาคธุรกิจรับรู้ความเสี่ยง และซึมซับความเสี่ยงการเมืองดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว.

 

Leave a comment