ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 ก.ค. 2559 05:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/663546

สมัยก่อนเคยมีหลายท่านบอกว่า “เงิน” หมายถึง “เหรียญกษาปณ์” ต้องทำเหรียญที่มีมูลค่าเล็กๆบ้าง เหรียญ 25 สตางค์ เหรียญ 50 สตางค์ เพราะเวลาสินค้าจะเพิ่มขึ้น ก็จะได้เพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อย เพราะมีเหรียญที่ใช้
สมมติว่าไข่ไก่ จากฟองละ 1 บาท ก็จะขึ้นเป็น 1.25 บาทก่อน แล้วก็ขยับเป็น 1.50 บาทค่อยๆขึ้น กลับกัน ถ้าไม่มีเหรียญ 25 สตางค์ 50 สตางค์ ก็จะขยับไปทันทีฟองละ 2 บาท
ถูกไหม? เพราะสินค้าไม่รู้จะเพิ่มยังไง เพิ่มง่ายๆก็เพิ่มจากมูลค่าเหรียญเล็กที่สุดที่มีอยู่ในตลาด ไปง่ายกว่า…ขยับง่ายกว่า
ฉะนั้นต้องมีสิ่งเหล่านี้อยู่ วิธีคิดเป็นเช่นนี้ “ดอกเบี้ย” ก็เช่นกัน 1 เปอร์เซ็นต์…2 เปอร์เซ็นต์ จึงมีความหมายมาก
“วันนี้…ถ้าดอกเบี้ยเงินฝากไม่ 0 เปอร์เซ็นต์ ยังอยู่ 1 เปอร์เซ็นต์หรือ 1.5 เปอร์เซ็นต์ คนก็ยังเฉยอยู่ เพราะเราก็เฉยมานานแล้วกับตัวเลขนี้อยู่นานหลายปี…
แต่พอจะขยับลงมาอยู่ที่ 0 เปอร์เซ็นต์ นึกภาพตามนะห่างกันแค่ 1 เท่านั้น คนยังโวยขนาดไหน เสียขวัญ รู้สึกทันทีว่าไม่มีรายได้”
สันติ ปิยะทัต ทนายความ ประสบการณ์กว่า 30 ปี บอกว่า ฉะนั้นการที่คุณจะใช้ดอกเบี้ยผิดนัด 7.5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 8 เปอร์เซ็นต์ หรือลดลงเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ มีความหมายมากอย่างยิ่ง
บุคคลทั่วไปปกติแล้วถ้าสัมพันธ์กับสถาบันการเงินมักจะมีสัดส่วนที่ระบุในสัญญาอยู่แล้ว ว่าจะต้องเสียดอกเบี้ยเท่าไหร่ ผิดนัดเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่ 7.5 แต่จะกลายเป็น 15…20…10 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย
แต่ “เบี้ยผิดนัด” อัตราร้อยละ 7.5 เป็นเรื่องของว่าบุคคลทั่วไปที่มีนิติสัมพันธ์กัน เช่นไปทำละเมิดเขา ขับรถชนเขา ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย ก็จะถูกบวกดอกเบี้ยมาอีก 7.5 หรือมีนิติสัมพันธ์ระหว่างกัน มีสัญญากันแต่ไม่ได้ตกลงกันว่าจะคิดดอกเบี้ยเท่าไหร่ กฎหมายก็เลยบอก ก็ให้ไปคิดที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์แล้วกัน
ทีนี้ ถ้าเรามองอย่างนี้ เอาเรื่องดอกเบี้ยผิดนัด 7.5 ไปเทียบกับเรื่องดอกเบี้ยเงินฝากสถาบันการเงิน อยากให้มองเป็นสองทาง แต่ 7.5 เปอร์เซ็นต์นี้ ถามว่าใช้มานานหรือยัง…ต้องตอบว่านานมาแล้ว
ถ้าวันนี้ ในแง่สังคมมองว่า นานเกินไปแล้ว และอีกอย่างก็คือความเหมาะสม มากน้อยแค่ไหน เป็นธรรมหรือไม่?
“ยิ่งถ้ามองเกณฑ์เทียบกับรายได้ ว่าเราไปฝากธนาคารแล้วไม่มีรายได้เลย ดอก 0% ขณะที่เราไปทำผิดอะไรแล้วเราจะต้องโดนเบี้ยปรับในทำนองนี้ 7.5 เปอร์เซ็นต์…ก็ควรจะลดลง เพื่อความเป็นธรรม เท่าทันสถานการณ์ปัจจุบัน”
ถามต่อไปอีกว่า…ปรับเปลี่ยนยากง่ายมากน้อยแค่ไหน? ถามคนในแวดวงนักกฎหมายต้องบอกว่า “ไม่ยากหรอกครับ” สันติ ว่า “ถ้าจะเป็นธรรม หนึ่งปัจจุบัน สนช. ค่อนข้างทำงานได้รวดเร็ว แล้วก็มีผู้มีความรู้ ความชำนาญในแต่ละด้าน แต่ละแผนก บางท่านก็รู้จักมักคุ้นกันอยู่ ก็สามารถแก้ไขได้รวดเร็วอยู่แล้ว ง่ายกว่าในสมัยอื่นๆอยู่แล้ว”
แก้แล้ว…จะเป็นธรรม ถ้านักวิชาการหรือผู้รู้พิจารณาแล้วว่า ประเด็นนี้ไม่เป็นธรรมก็แก้ได้เลย แต่ก็มีอีกวิธีหนึ่งก็คือ ถ้าเราจะทำวิจัย… ลองใช้วิธีวิจัยภาคสนามหรือสัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า สถานการณ์ดอกเบี้ยผิดนัด ณ ปัจจุบันนี้ควรจะอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์
แล้วก็ไปเทียบหลักเกณฑ์ว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 0 เปอร์เซ็นต์นะ แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ควรจะลดลงไหม ถ้าลดควรจะลดลงไปที่เท่าไหร่
นับรวมไปถึงดอกเบี้ยผิดนัด ร้อยละ 7.5 ที่เป็นอดีตมายาวนานเก่าคร่ำครึ ควรจะอยู่ที่เท่าไหร่
ยืนยันว่า…ดอกเบี้ยผิดนัดกับสถาบันการเงินที่ทำสัญญากันเอาไว้ ลองผิดนัดกันดู คุณจะรู้ว่าไม่ได้อยู่ที่ 7.5 แน่นอน กระอักเลือดกันเลยทีเดียว
ตรงนี้ควรลงมาด้วยไหม? แล้วที่ต้องไม่ลืมก็คือ “ดอกเบี้ยผิดนัดร้อยละ 7.5” ก็เป็นความสัมพันธ์ในแง่ของภาคการเงินรายได้ของคนลดลง ควรต้องคำนึงถึง
คิดว่าเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องมองเรื่อง “รายได้” ของประชาชนคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทุกวันนี้…คนไม่มีรายได้จากการฝากเงินในสถาบันการเงินแล้ว…อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์สถาบันการเงินที่ต่ำเตี้ยติดดิน เกือบจะ 0 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว
คนจะต้องหารายได้จากภาคอื่นแทน ต้องไปลงทุนในเรื่องของหุ้น กองทุน ฯลฯ หรือเป็นการฝากระยะยาวที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ กติกาที่รัดกุมของสถาบันการเงินที่รับฝาก
หรือแม้แต่ “การออม” ให้ดอกเบี้ยงอกเงยในรูปแบบการประกันภัยต่างๆ ประกันออมทรัพย์ แต่ว่าในเรื่องของเงินกู้ เงินฝากไม่มีแล้ว
ถึงตรงนี้ต้องถามย้ำว่า กฎหมายปรับปรุงยากไหม สันติตอบเลยว่า…ไม่ยากแน่นอน ปรับได้ ทำได้ นำไปสู่คำถามสำคัญที่ว่า จะมองเป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่า? จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ดอกเบี้ยปรับผิดนัด 7.5 เรื่องของ…“ดอกเบี้ย” เรื่องของ…“การเงิน” สำคัญทั้งหมด
น่าจะต้องปรับปรุงเพื่อความเป็นธรรมอย่างแน่นอน เพราะรายได้ของประชาชนโดยฐานทั่วไปลดลงแล้ว พูดตรงๆว่า…คนทั้งประเทศตอนนี้ที่มีเงินฝากในธนาคารทุกคนไม่ได้เงิน ไม่ได้ดอกเบี้ยแล้ว
ยกเว้นไปฝากบางประเภทที่มีข้อกำหนดตายตัว
“แน่นอน…คนเหล่านี้ทั้ง 60 ล้านคน เวลาไปทำอะไรก็โดนดอกเบี้ยปรับ 7.5 แต่ถ้ามองที่รายได้…ไม่มีรายได้เลย เป็นอีกภาพหนึ่งเลยนะ เมื่อเทียบกับสมัยเก่าก่อนที่คนยังมีรายได้กับดอกเบี้ยเงินฝาก”
สมมติว่า…มีคนมีเงินฝากอยู่ 40 ล้านคน…มีรายได้ทุกคน การที่จะไปกระทำผิดนัด อะไรเล็กๆน้อยๆก็จ่ายได้ ไม่มีปัญหาเพราะเขามีรายได้ เราๆท่านๆต่างก็มีเงินฝาก แต่มาผิดสัญญากัน โดนปรับเบี้ยผิดนัด 7.5 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่กลัวมีจ่าย แต่…สถานการณ์วันนี้ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว ถ้าต้องมาโดนปรับ 7.5 เปอร์เซ็นต์ จะรู้สึกอย่างไร? เป็นธรรมไหม? เวลาถูกฟ้อง…ต้นทุนไม่มีเลย ไม่มีรายได้
ถ้าเราหลับตาคิดแบบนี้เมื่อไหร่ เราจะเห็นภาพเลยว่า ดอกเบี้ยผิดนัด ร้อยละ 7.5 จะแพงมหาโหดเลยทีเดียว…ยิ่งมาเทียบกับดอกเบี้ยธนาคารที่ต่ำเตี้ยติดดินด้วยแล้ว
“ทุกคน…ที่เดินอยู่ในประเทศนี้ไม่มีรายได้จากการฝากเงินสถาบันการเงิน แต่ว่าโทษที่ลงโทษก็ยังโดนอยู่…พูดง่ายๆอีกว่า เรียกว่า…ทำดีไม่ได้ตังค์ แต่ว่ามาสายยังถูกตีเท่าเดิมอีก…ไปโรงเรียนตามเวลาไม่ได้ตังค์ ไม่ได้คะแนนบวกเลย แต่วันนี้ ถ้ามาสายโดนเท่าเดิม ทำโทษเท่าเดิม…”
คณะรัฐบาลปัจจุบันพยายามปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับให้มีความทันสมัย ให้ใช้บังคับได้อย่างแท้จริงในหลายๆเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี กรณี “เบี้ยผิดนัด” อัตราร้อยละ 7.5 จะทำอย่างไร…ให้เกิดความเป็นธรรม ในแง่ประโยชน์ประชาชน.