ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 15 ก.ค. 2559 06:30
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/664169

คนทั่วโลกและไทยแห่เก็งกำไรหลังร่วง 10%
ตลาดเงินโลกยังคงทำสถิติผันผวนต่อเนื่อง หลังจากการลงประชามติของชาวอังกฤษที่ให้รัฐบาลแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (European Union : EU) เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันค่าเงินปอนด์ได้ร่วงลงแล้วกว่า 10% และอาจร่วงต่ำลงต่อไปอีก เช่นเดียวกับค่าเงินยูโร ที่ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะบรรดานักลงทุน และผู้ไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษ หรือในกลุ่มประเทศอียู ได้มีการแลกเงินปอนด์เก็บไว้จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่าเงินปอนด์ยังคงร่วงลงจากช่วงต้นของการประกาศผลการลงประชามติให้อังกฤษแยกตัวออกจากอียู จากระดับ 50-52 บาทต่อ 1 ปอนด์ ลงไปอยู่ที่ 49 บาทกว่าต่อปอนด์ กระนั้นก็ตาม ความผันผวนยังคงมีต่อเนื่อง โดยเมื่อเย็นวันที่ 14 ก.ค. (เวลาไทย) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์เริ่มดีดกลับขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องหลังจากผลโหวตเบร็กซิต
เมื่อเทียบกับเงินบาทต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ที่ 35.07 บาท ส่วนเงินปอนด์ต่อบาท อยู่ที่ 46.39 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่กระดานค่าเงินในธนาคารพาณิชย์ ระบุว่า เงินปอนด์ได้ร่วงลงไปอยู่ที่รับซื้อ 44 บาทกว่า ต่อปอนด์ และขาย 45 บาทกว่าต่อปอนด์
เจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทยระบุว่า มีลูกค้าโทร.มาขอซื้อเงินปอนด์จากธนาคารจำนวนมากในแต่ละวัน เพราะราคาค่าเงินปอนด์กำลังต่ำลงเรื่อยๆ แต่ธนาคารไม่สามารถหาให้ลูกค้าได้ แม้แต่ได้มีการติดต่อไปยังบริษัทซุปเปอร์ริช ก็ได้รับแจ้งว่าไม่สามารถ หาเงินปอนด์ให้ได้เช่นกัน เพราะมีทั้งผู้ปกครองของนักศึกษาไทยในอังกฤษ ผู้ส่งออก และบรรดานักลงทุนกว้านซื้อเงินปอนด์เก็บไว้จำนวนมาก โดยความ ต้องการเงินปอนด์วันนี้พุ่งสูงมากกว่า 20% เพราะดีมานด์-ซัพพลาย ไม่มาบรรจบกัน
สำหรับเงินเยนที่หลายคนคิดว่าจะเป็นแหล่งหลบภัยของบรรดานักค้าเงิน ปรากฏพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 33.19-34 บาทต่อ 100 เยน ส่วนเงินยูโรต่อบาท อยู่ที่ 38.95 บาท
นายจิรเทพ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีตามปกติธนาคารพาณิชย์จะเก็บตัวธนบัตรเงินตราต่างประเทศไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่การซื้อ ขายสินค้าส่งออก นำเข้า หรือทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ จะเป็นการซื้อขายกันผ่านเครดิต หรือการตัดบัญชี ส่วนธนบัตรเงินตราต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเงินปอนด์ หรือสกุลอื่นๆนั้น จะเก็บสำรองไว้เพียงพอต่อการแลกเงินตามปกติ เช่น การไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นต้น
“ในช่วงที่ผ่านมา มีคนไทยจำนวนหนึ่งแห่ไปแลกเงินปอนด์กับธนาคารพาณิชย์ อาจจะเพื่อหวังผลในการเก็งกำไร หรือแห่ไปท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ ทำให้ธนบัตรที่ธนาคารพาณิชย์มีสำรองไว้ในบางสาขาไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ไม่กระทบกับการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ ส่วนกรณีเงินปอนด์ ในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศไม่ได้เก็บในรูปธนบัตร เก็บเป็นการลงทุน เช่น ตราสารเงินปอนด์”
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินปอนด์ที่ขาดตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราในไทย เชื่อว่าตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติหลังจากวันหยุดยาวช่วงเข้าพรรษา เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น แต่ต้องไม่เกิดเหตุการณ์ในต่างประเทศที่เข้ามามีผลกระทบ ทั้งนี้ คนไทยที่มีความจำเป็นเดินทางไปท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจที่อังกฤษ ควรแลกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเงินยูโรเมื่อเดินทางถึงอังกฤษ นำเงินดังกล่าวมาแลกเป็นเงินปอนด์ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแทนการใช้เงินปอนด์
นางสาวธณัทร์ษริน สุสมาวัตนะ กรรมการผู้จัดการบริษัทซุปเปอร์ริช ไทยแลนด์ หรือซุปเปอร์ริชสีเขียวให้ความเห็นว่า ช่วงนี้มีลูกค้าเข้ามาขอซื้อเงินปอนด์จำนวนมาก อาจมีบางช่วงที่เงินปอนด์ขาด ตลาดบ้าง แต่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ที่ซุปเปอร์ริชสีเขียวขณะนี้ก็ยังคงมีให้บริการ จากการสอบถามผู้ที่มาแลกเงินปอนด์ส่วนใหญ่พบว่า ยังไม่ได้ต้องการใช้เงินปอนด์ในตอนนี้แต่ต้องการซื้อเก็บไว้ก่อน หลังเห็นว่าค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีลูกหลานเรียนอยู่ที่อังกฤษ รวมทั้งผู้ที่ตัดสินใจจะไปเที่ยวอังกฤษหลังเห็นเงินปอนด์ถูก
“ซุปเปอร์ริชสีเขียวก็ต้องพยายามให้คำแนะนำลูกค้าที่ยังไม่ได้ต้องการใช้เงินทันทีให้รอการแลกออกไปก่อนหรืออาจแลกบางส่วน เพราะเงินปอนด์อาจปรับตัวอ่อนค่าลงได้อีก ซึ่งลูกค้าก็ได้ประโยชน์เพราะวันนี้ค่าเงินปอนด์ก็ยังอ่อนค่าลงมาต่อเนื่อง”.