“ปชต.ใหม่” เมินคำเตือน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/politic/234120

ปชต.ใหม่, ร่างรธน., กรธ., กกต., โหวตโน, คมชัดลึก, ปชต, ใหม่, เมิน, คำเตือน, ปชตใหม่, เมินคำเตือน, ประยุทธ์
ปชต.ใหม่, ร่างรธน., กรธ., กกต., โหวตโน, คมชัดลึก, ปชต, ใหม่, เมิน, คำเตือน, ปชตใหม่, เมินคำเตือน, ประยุทธ์
ปชต.ใหม่, ร่างรธน., กรธ., กกต., โหวตโน, คมชัดลึก, ปชต, ใหม่, เมิน, คำเตือน, ปชตใหม่, เมินคำเตือน, ประยุทธ์

การเมือง >ข่าวการเมือง  : 17 ก.ค. 2559

“ปชต.ใหม่” เมินคำเตือน

“ปชต.ใหม่” เดินหน้าแจกเอกสารเห็นแย้งร่างรธน. ชี้คำตัดสินเนื้อหาโดยกรธ.-กกต.ไร้เหตุผล ท้าเปิดเวทีดีเบตเพื่อประโยชน์ปชช. ปลุก ปชช.ไปโหวตโน เพื่อสั่งสอน “ประยุทธ์”

 

วันที่ 17 ก.ค. 59 – กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ นำโดย นายรังสิมัน โรม และวรวุฒิ บุตรมารต สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตย ใหม่ แถลงถึงการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ พร้อมเปิดตัวและเผยแพร่เอกสารชุดใหม่ที่ใช้ในการเคลื่อนไหว

โดยรังสิมัน แถลงว่า กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อผลการตรวจสอบเอกสารความเห็นแย้งคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญที่ระบุในเบื้องต้นว่าเป็นเอกสารบิดเบือน เพราะข้อสรุปของการตรวจสอบดังกล่าวไม่อธิบายเหตุผลหรือรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งตนมองว่ากรณีดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรมต่อกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เพราะ กกต. ไม่เคยเรียกสมาชิกกลุ่มฯ หรือผู้ที่จัดทำเอกสารไปชี้แจงรายละเอียดของการจัดทำ ขณะที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ให้ความเห็นส่วนตัวผ่านเฟซบุ๊ค ว่าเอกสารเข้าข่ายผิดกฎหมาย และห้ามแจกจ่ายเอกสาร โดยไม่มีข้อสรุป หรือรายละเอียดที่เป็นมติของ กกต. หรือมติอย่างเป็นทางการถือว่าเป็นการห้ามประชาชนใช้สิทธิ และเสรีภาพในการแสดงออก ของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ดังนั้นทางกลุ่มฯ จะไม่หยุดการแจกเอกสารดังกล่าวไปสู่ประชาชน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนต่อการตัดสินใจออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญด้วยข้อมูลที่รอบด้าน กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ขอท้า กรธ. ให้ขึ้นเวทีดีเบตเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ

“ขอให้ใช้การโหวตโนร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค. เป็นบทเรียนสอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ซึ่งประชาชนต้องเลือกเพื่อแสดงออกว่าจะยอมรับอำนาจทหารต่อไปหรือไม่ ดังนั้นขอให้ตัดสินใจให้เด็ดขาด อย่าใช้ความเป็นกลางโดยเด็ดขาด ซึ่งผมเชื่อว่าหากผลโหวตโนที่ชนะจะไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน” นายรังสิมัน กล่าว

"ปชต.ใหม่" เมินคำเตือน

ทางด้านนายวรวุฒิ แถลงด้วยว่า กรธ. และ กกต. ไม่มีอำนาจใด ที่จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าเนื้อหาของบุคคล หรือ เนื้อหาในเอกสารความเห็นแย้งคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ ที่จัดทำโดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ว่าเป็นเอกสารที่บิดเบือน หรือสร้างความสับสนของประชาชนต่อการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะ กกต. และกรธ. ถือเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับประเด็นดังกล่าว หากจะยับยั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ที่เห็นต่างร่างรัฐธรรมนูญ ตนมองว่าไม่ต้องจัดให้มีการรณรงค์เพื่อให้ประชาชนไปออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้เงินภาษีของประชาชนดำเนินการจะเหมาะสมกว่า

นายวรวุฒิ แถลงถึงรายละเอียดและสาระสำคัญของเอกสารรณรงค์ฉบับใหม่ หัวข้อ “7 เหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อสือทอดอำนาจคณะรัฐประหาร”  ด้วยว่า 1.ทหารกลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ มีอำนาจล้นฟ้ายิ่งกว่ารัฐบาลเลือกตั้ง เพราะเนื้อหามาตรา 52 ที่ระบุให้บทบาททหารเพื่อการพัฒนาประเทศ เท่ากับการรับรองให้อำนาจกองทัพ หรือองค์กรทหารมีสิทธิ หน้าที่ หรือสถานะเป็นองค์กรพี่เลี้ยง หรือเป็นรัฐบาลที่อยู่เหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 2.รับรองทุกการกระทำของคณะรัฐประหารว่าเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 279 วรรคสองเป็นบทบัญญัติรับรองคำสั่งและการปฏิบัติการของคสช. แม้จะมีเนื้อหาที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนว่าเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย, 3.คณะรัฐประหารมีอำนาจแต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เพราะการได้มาซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญต้องผ่านการรับรองจาก ส.ว.ที่มาจากการคัดเลือกของคสช. ทำให้องค์กรดังกล่าวนั้นยังคงเป็นเครื่องมือของคณะรัฐประหาร ซึ่งตนมองว่าเป็นประเด็นที่สร้างปัญหาที่ทำให้ คสช. ขยายอำนาจเข้าสู่องค์กรอิสระ เหมือนกับในยุคของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกมองว่าแทรกแซงองค์กรอิสระ

"ปชต.ใหม่" เมินคำเตือน

 

นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า 4.รัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้ ถ้าทหารไม่ยินยอม ตามเนื้อหาของร่างรัฐธรมนูญที่กำหนดเงื่อนไขการแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญที่ต้องมีเสียงของส.ว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ร่วมด้วย ซึ่งส.ว.ชุดแรกที่จะปฏิบัติหน้าที่มาจากการเลือกโดย คสช. ดังนั้นการแก้ไขเนื้อหาของรัฐธรรมนูญประเด็นใด เชื่อว่าส.ว.ต้องฟังเสียงบัญชาการของทหารก่อนตัดสินใจ 5.คสช.มีอำนาจต่อไป แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะประกาศใช้ โดยข้อเท็จจริงคสช. จะอยู่ทำหน้าที่ไปจนกว่าได้รัฐบาลชุดใหม่ โดยในช่วงที่คสช. ปฏิบัติหน้าที่ยังคงมีอำนาจตามรรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 และสามารถใช้มาตรา 44 เพื่อดำเนินการใดๆ ได้ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่า คสช. อาจใช้มาตรา 44 ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติได้ 6. ทหารคุมยุทธศาสตร์ชาติ ตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ มาตรา 65 กำหนดให้รัฐจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเป้าหมายพัฒนาประเทศ โดยข้อเท็จจริงปัจจุบันมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลคสช. ตั้งแต่ปี  2558  เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะ หรือตักเตือนรัฐบาล ดังนั้นแม้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติชุดที่ คสช. แต่งตั้งยังอยู่ต่อไป ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติของคสช. อาจเข้าไปควบคุมการทำงานของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ และทำให้รัฐบาลกลายเป็นเป็ดง่อย เพราะก่อนการทำงานต้อรอฟังความเห็นของบุคคลต่างๆ ก่อน

นายวรวุฒิ กล่าวด้วยว่า และ 7.รับรองพรรคทหาร 1 ใน 3 ของรัฐสภา พร้อมกำหนดอนาคตลูกหลานไทย 20 ปี ซึ่งตามเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มี ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250  คน ซึ่งมาจากการเลือกของ คสช. ซึ่งส.ว.มีอำนาจในการตรวจสอบ ออกกฎหมาย ซึ่งการบริหารงานแผ่นดินต้องทำโดยกฎหมาย  ซึ่งในขั้นตอนของการพิจารณากฎหมายที่สำคัญที่กระทบหรือปฏิรูปองค์กรทหาร  ส.ว. ซึ่งเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภาอาจไม่ให้ความเห็นชอบได้ และที่สำคัญในการทำยุทธศาสตร์ชาติที่มีผลกระทบต่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ ตนไม่ยอมที่จะให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. หรือคนสูงอายุ ที่ต้องวัดความดัน เติมน้ำเกลือก่อนเข้าทำหน้าที่มากำหนดอนาคตของเยาวชน ซึ่งคนรุ่นใหม่ควรมีสิทธิกำหนดอนาคตของตนเองได้ ไม่ใช่อยู่ในมือของคนแก่ใกล้ตาย.

 

Leave a comment