วันที่ 16 กค. 59 – นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของเครือข่ายกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ที่เตรียมจัดกิจกรรมผ่านพื้นที่โซเชียลมีเดีย หรือ เฟซบุ๊คไลฟ์ แสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนุญพร้อมกับอธิบายเหตุผลประกอบ ว่า กรณีดังกล่าวต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ติดตามการทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งตนไม่ขอให้ความเห็นในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจาก กรธ. หรือเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย อาทิ ไม่ใช่คำหยาบคาย หรือ ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย เป็นต้น ส่วนการทำกิจกรรมของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ กรธ. ได้ตรวจสอบในส่วนเนื้อหาของเอกสารความเห็นแย้งคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ นั้น ล่าสุด กรธ.มีความเห็นร่วมกันในเบื้องต้น ว่า เพื่อให้บรรยากาศก่อนการออกเสียงลงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จะไม่ดำเนินการตามกฎหมายใดๆ แต่ได้ร้องขอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการปราบ ซึ่งตนหวังว่าจะมีการระงับการแจกจ่ายเอกสารความเห็นแย้งฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน

นายนรชิต กล่าวด้วยว่า การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ โดยล่าสุดที่ กรธ. ได้ทยอยแจกเอกสาร อาทิ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพกพา ไปยังประชาชนนั้น ถือเป็นไปตามแนวทางและแผนการทำงานที่ได้กำหนดไว้ และเป็นช่วงเวลาจัดส่งที่เหมาะสมต่อการรับรู้ของประชาชนก่อนการออกเสียงประชามติ โดยขณะนี้ กรธ. ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรสินค้าบิ๊กซี, บริษัทบางจากปิโตเลียม (จำกัด), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่จะนำเอกสารของกรธ. ไปแจกให้กับผู้ใช้บริการ ส่วนการชี้แจงของวิทยากรระดับหมู่บ้าน (ครู ค) ที่มีกว่า 3 แสนคนทั่วประเทศอยู่ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจประชาชนด้วย ส่วนกรณีที่มีเหตุการณ์ส่งจดหมายตราครุฑบรรจุเอกสารที่ไม่ใช่เอกสารจากฝ่ายราชการส่งไปยังประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ นั้น ตนมองว่าเป็นความพยายามสร้างความสับสน และสร้างความเข้าใจผิด และเชื่อว่าประชาชนที่ติดตามข่าวสารจะไม่หลงเชื่อ

“หากใครมีความเห็นต่าง กรธ. ไม่ได้บังคับให้เห็นเหมือนกัน ทุกคนมีสิทธิเห็นต่างได้ แต่สิ่งที่เขาพยายามเอกสารที่ทำให้ดูเหมือนว่าส่งมาจากรัฐบาล เท่ากับหลอกประชาชน ซึ่งทำแล้วจะได้ประโยชน์อะไร หากเขามั่นใจในเหตุผลของตนเองก็ควรทำตรงไปตรงมา อย่าหลอกประชาชน เพราะวิธีนี้ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน”  นายนรชิต กล่าว.