ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/232392
การศึกษา-สาธารณสุข >ข่าวการศึกษา-สาธารณสุข : 4 ก.ค. 2559
บอร์ดสปสช.ไม่รับรอง“หมอประทีป”เป็นเลขา
บอร์ด สปสช.ไม่รับรอง“หมอประทีป” เป็นเลขาธิการสปสช.14 เสียงรับรอง 13 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง จากผู้ลงคะแนน 28 คน จาก 30 คนตั้งทีมสรรหาใหม่คาดได้ชื่อ 8 ก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีวาระการคัดเลือกตำแน่งเลขาธิการ สปสช.คนใหม่แทน นพ.วินัย สวัสดิวร ที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแคนดิเดตที่ได้รับการเสนอเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุม เหลือเพียง นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช.คนเดียว เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขาดคุณสมบัติ
ทั้งนี้ นพ.ประทีป ได้แสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมบอร์ด สปสช.ว่า ยุทธศาสตร์การทำงานของ สปสช.ในอนาคตจะต้องเป็นไปในลักษณะ “โกลแอนด์โกรว์ธทูเกเธอร์ (Goal&Growth Together)” โดยมียุทธศาสตร์ 5 ด้าน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานของงานหลักประกันสุขภาพ คือ 1.ประชาชนกลุ่มเป้าหมายจะต้องเข้าถึงบริการของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) มากขึ้น โดยเฉพาะที่ยังเป็นจุดอ่อนคือ กลุ่มคนเมือง คนชั้นกลาง และคนชายขอบมากๆ รวมไปถึงผู้ต้องขัง โดยภายใน 3-5 ปี จะต้องได้รับประโยชน์จากระบบนี้อย่างเป็นรูปธรรม 2.ระบบบริการ คือการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ซื้อบริการและผู้ให้บริการอย่างเต็มที่ เพื่อขยายการบริการโดยเฉพาะในเขตเมือง เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่จะเน้นคนในเขตเมืองเพิ่มขึ้น
3.การปฏิรูปแผนการจัดการกองทุน โดยเฉพาะงบเหมาจ่ายรายหัวที่จัดสรรลงไปยังโรงพยาบาล ต้องไม่เป็นภาระกับโรงพยาบาล สามารถจับต้องได้ง่ายขึ้น ไม่ซับซ้อน และมีส่วนร่วมโดยเฉพาะผู้ให้บริการ โดยขณะนี้มีการเสนอแนวทางการจัดสรรงบเหมาจ่ายแบบขั้นบันได ซึ่งตนเห็นด้วยที่การจัดสรรงบลักษณะดังกล่าวจะมาช่วยแก้ปัญหาการเงินขาดสภาพคล่องของโรงพยาบาล รวมไปถึงจะต้องหาแหล่งเงินเพิ่มขึ้นใน 3-4 ปี โดยเฉพาะการร่วมจ่ายที่มีหลักการคือ การร่วมจ่ายก่อนเข้ารับบริการ เช่น การจัดเก็บภาษี เป็นต้น ส่วนการร่วมจ่ายเมื่อรับบริการก็ต้องเป็นลักษณะจ่ายเพิ่มเพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่ม ซึ่งตรงนี้จะช่วยดึงให้คนชั้นกลางหรือคนเมืองเข้าถึงระบบบริการเพิ่มขึ้น
“ส่วนกรณีการรวมเงินเดือนไว้ในงบเหมาจ่ายรายหัวนั้น เนื่องจากกฎหมายคือ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ระบุเอาไว้ชัดเจน เพื่อใช้ประเด็นเรื่องเงินเดือนในการกระจายทรัพยากรไปยังพื้นที่ขาดแคลน แต่ 10 กว่าปีที่ผ่านมา กลไกการเงินด้านนี้ยังกระจายทรัพยากรไปได้ไม่ชัดเจน ก็มีความเห็นหลายส่วนทั้งการถอนเงินเดือนออกมา แต่ก็มีข้อกังวลว่าอาจกระทบกับพื้นที่ที่มีคนมาก เช่น ภาคอีสาน ก็ต้องหามาตรการอื่นมารองรับ อย่างไรก็ตาม ประเด็นเงินเดือนจะรวมหรือถอนออกจากงบเหมาจ่ายนั้น ต้องมีข้อมูลวิชาการที่ชัดเจนก่อน แล้วจึงแก้กฎหมายเป็นลำดับต่อไป” นพ.ประทีป กล่าว
4.การมีส่วนร่วมโดยเฉพาะท้องถิ่นหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ในการจัดการปัญหาสุขภาพในพื้นที่ เช่น ผู้สูงอายุ และ 5.ต้องทำให้ สปสช.เป็นหน่วยงานรัฐแบบใหม่ที่ประสิทธิภาพ ไม่เหมือนส่วนราชการทั่วไป คือทำให้เป็นองค์กรที่มีขนาดเล็ก แต่คล่องตัว โดยอาศัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วย ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของ สปสช.อยู่แล้ว ส่วนกำลังคนก็ต้องพัฒนา ซึ่ง สปสช.มีบุคลากรทั้งส่วนกลางและภูมิภาคประมาณ 900 คน โดยกำลังคนระดับหัวและฝ่ายสนับสนุนค่อนข้างมีมาก จึงต้องเพิ่มสัดส่วนกำลังคนในระดับกลางซึ่งเป็นคนทำงานให้มากขึ้น
ทั้งนี้ ภายหลังคณะกรรมการฯ ซักถามผู้แสดงวิสัยทัศน์เสร็จ จึงเข้าสู่ช่วงการลงคะแนนเสียงลับ ซึ่งในที่ประชุมมีผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด 28 คน จาก 30 คน เนื่องจาก นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช.ไม่ลงคะแนนเสียง และผู้แทนปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ติดภารกิจ โดยผลการนับคะแนนพบว่า ผู้ไม่รับรอง นพ.ประทีปเป็นเลขาธิการ สปสช.คนใหม่มี 14 คน รับรอง 13 คน ไม่ออกเสียง 1 คน อย่างไรก็ตาม ได้มีการถกเถียงในที่ประชุม เนื่องจากมีการขีดเครื่องหมายถูกในใบลงคะแนนช่องไม่รับรอง ซึ่งตามหลักแล้วต้องขีดเครื่องหมายกากบาท ทำให้ต้องมีการลงมติว่าจะรับรองบัตรใบที่มีปัญหานั้นเป็นการแสดงเจตนารมณ์หรือไม่ ซึ่งเกินกว่าครึ่งหนึ่งของที่ประชุมคือ 18 เสียง รับรองว่าเป็นการแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่รับรอง
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาใหม่ โดยจะเป็นคณะกรรมการสรรหาชุดเดิมคือ นพ.เสรี ตู้จินดา เป็นประธาน และขอให้ได้รายชื่อกรรมการสรรหาภายในวันที่ 8 ก.ค.นี้เพื่อดำเนินการต่อไป