งดงาม แตกต่าง ตอบโจทย์ เอกลักษณ์สิ่งทอชายแดนใต้ สู่เวทีนานาชาติ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 ส.ค. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/678513

 

หากพูดถึงอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สำคัญไม่แพ้อย่างอื่น คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอ เพราะนอกจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ยังเป็นปัจจัยที่ทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

แต่ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ภาพรวมการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทย มีตัวเลขที่ลดลง ทั้งในส่วนการผลิต และการส่งออก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2558 อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความไม่มั่นใจของผู้ผลิตต่อการขยายตัวของตลาด หรือแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน


อุตสาหกรรมสิ่งทอภาคใต้

สำหรับประเทศไทยเอง ตลาดภูมิภาคอาเซียนก็ยังคงเป็นตลาดสำคัญ และถึงแม้ว่า เสน่ห์ของผ้าไทย จะเป็นที่ประจักษ์กันในระดับนานาชาติ แต่ถ้าขาดการผลักดันที่เหมาะสมก็ไม่อาจจะสำแดงให้ชาวโลกได้เห็นได้ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่าง สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และ 3 ดีไซเนอร์มากฝีมือ ภายใต้โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตอนนี้ได้เดินทางมาถึงก้าวที่ 4 แล้ว โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้นำผู้ประกอบการร่วมออกแสดงและจำหน่ายสินค้าในงาน Thailand Week ณ ประเทศสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย จนประสบผลสำเร็จมาแล้ว

วันนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” พาบินลัดฟ้าไปถึงประเทศฮ่องกง เพื่อชมผลิตภัณฑ์ต้นแบบภายใต้ แบรนด์ LAWA@THTI คอลเลกชั่นใหม่ ที่ถูกนำมาแสดงบนเวทีระดับนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้น ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center โดยในปี 2559 นี้ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เตรียมยกระดับการขยายตลาดกลุ่มอาเซียน เป็น อาเซียน +3 ผ่านเวที Hong Kong Fashion Week ซึ่งนับเป็นงานแสดงสินค้าที่มีผู้เข้าร่วมงานหลากหลายประเทศ เป็นอีกหนึ่งช่องทางของผู้ประกอบการสิ่งทอ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะนำผลิตภัณฑ์เผยแพร่สู่สายตานานาชาติ สร้างความรับรู้ในตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังช่วยให้ผู้ประกอบการได้พบปะผู้ซื้อ เกิดการเจรจาธุรกิจระหว่างกัน


บรรยากาศภายใน Hong Kong Convention and Exhibition Center สถานที่จัดงานในครั้งนี้

งาน Hong Kong Fashion Week

นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งทอ เปิดเผยถึงตัวโครงการว่า สำหรับปี 2559 ถือเป็นปีที่ 4 ตามระยะการดำเนินงานของโครงการ ซึ่งในช่วง 2 ปีแรก จะเป็นเรื่องแรงบันดาลใจของคนในท้องถิ่น และเป็นแรงบันดาลใจของผู้ประกอบการที่อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะเน้นเรื่องของดอกไม้ พอมาปีที่ 3 จึงคิดว่าจะเริ่มขยายสินค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชาวมุสลิมในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย


นี่คือ แบรนด์ LAWA@THTI

ในปี 2559 นี้ ทางสถาบันสิ่งทอได้ยกระดับการพัฒนาแฟชั่นมุสลิม ภายใต้แนวคิด Co-Design ซึ่งเป็นการหลอมรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกัน โดยได้ดึง 3 นักออกแบบชื่อดัง มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานในแบรนด์ LAWA@THTI ร่วมกับผู้ประกอบการ จำนวน 3 คอลเลกชั่น 30 ผลิตภัณฑ์ คือ 1. นายวิชนะวิชญ์ อัครสันติสุข นักออกแบบไทยระดับแนวหน้าของประเทศ เจ้าของคอลเลกชั่น Reflection Of The Sea 2. คุณศักดิ์จิระ เวียงเก่า นักออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย งานผ้าสำหรับของตกแต่งบ้าน ที่มีเอกลักษ์โดดเด่น มีสไตล์เฉพาะตัว เจ้าของคอลเลกชั่น Indigo Paisley และ 3. Mr.Eric Choong นักออกแบบจากมาเลเซีย มีจุดเด่นด้านการดีไซน์ที่มีสีสันลูกเล่น เจ้าของคอลเลกชั่น Heaven and Earth


Mr.Eric Choong ตัวแทนดีไซเนอร์ นักออกแบบจากประเทศมาเลเซีย

ลวดลายโดดเด่น งดงามมาก

“เราคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพมาเข้าร่วมโครงการ ตัวแบรนด์ลาวาเองก็มีจุดขายเรื่องการเป็นเครื่องแต่งกายของชาวมุสลิม ที่คนทั่วไปสามารถสวมใส่ได้ เรามองเส้นทางการขยายตลาดสตาร์ตจากกรุงเทพฯ สู่ระดับอาเซียน โดยเสื้อผ้าจะเน้นไปที่ตลาดมาเลเซีย เพราะถือว่าเป็นประตูที่จะพาเราก้าวไปทำตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง อีกหนึ่งเป้าหมายของเรา”


นายสุพัฒน์ พรหมนิมิตร ตัวแทนผู้ประกอบการสิ่งทอภาคใต้

นายสุพัฒน์ พรหมนิมิตร ซึ่งเป็น 1 ในตัวแทนผู้ประกอบการสิ่งทอภาคใต้ เล่าว่า จุดอ่อนของผู้ประกอบการสิ่งทอของไทยส่วนใหญ่ คือ ยังขาดการพัฒนารูปแบบดีไซน์ การใช้สี ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ต้องการของตลาดได้

“ถือเป็นโชคดีของเราที่ทางสถาบันได้เข้ามาแนะนำภาพรวมของตลาดทั้งหมด ตั้งแต่การเลือกใช้เส้นใย วัตถุดิบ การเลือกสี จากนั้นก็จะถามทางผู้ประกอบการว่าต้องการจะให้สถาบันช่วยสนับสนุนอะไร หรืออยากจะศึกษาในส่วนไหนเพิ่ม ก่อนจะเชิญวิทยากร และดีไซเนอร์มาช่วยพัฒนาสินค้า”


เสื้อผ้ามีความสวยงาม เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากแบบเดิม

แน่นอนว่า เมื่อได้รับการพัฒนา ตัวสินค้าที่ได้จึงฉีกออกมาจากรูปแบบเดิมๆ ผ่านคำแนะนำของ วิทยากร ดีไซเนอร์ ทั้งเรื่องเทคนิค รูปแบบการใช้สี และการตัดเย็บ แต่ยังคงความเป็นเครื่องแต่งกายชาวมุสลิม ซึ่งทำให้ผู้ประกอบได้ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนทั่วไป จากเดิมที่ขายกับเฉพาะกลุ่มชาวมุสลิมเท่านั้น

“เมื่อก่อนสินค้าที่ออกมาจะเหมือนกันหมด แทบไม่เห็นความแตกต่าง พอได้มีการพัฒนาให้สวยงาม ทันสมัย และมีความเป็นเอกลักษณ์ ก็ทำให้ยอดขายสินค้าในปัจจุบันสูงขึ้น ในฐานะผู้ประกอบการก็อยากให้มีโครงการต่อเนื่องไปอีกเรื่อยๆ และอยากเห็นสิ่งทอของไทยไปอยู่ในเวทีระดับโลก” นายสุพัฒน์ กล่าว

ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งทอ กล่าวเสริมถึงมุมมองต่อตลาดฮ่องกง ว่า เป็นอีกช่องทางที่สำคัญต่อการเผยแพร่ผลงานสินค้าจากผู้ประกอบการ 5 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากตลาดฮ่องกงเป็นตลาดไฮแฟชั่น มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับแฟชั่นเสื้อผ้าตลอดทั้งปี แถมยังมีปีละหลายรอบ ซึ่งสามารถใช้โอกาสเอาสินค้าของไทยมาเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ณ ประเทศแห่งนี้ได้


ผ้าไทย อยู่บนเวทีระดับนานาชาติ

ท้ายที่สุด ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งทอ มองว่า “สิ่งที่สถาบันทำได้ คือ การช่วยดูแลผู้ประกอบการ ช่วยหาดีไซเนอร์มาช่วยคิดค้น ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เชื่อว่าสินค้าของไทย ผลิตภัณฑ์สิ่งทอต่างๆ หรือแม้แต่สินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในด้านอื่นๆ ยังสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกมากในอนาคต”.

 

Leave a comment