พญาลืมงาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05120010359&srcday=2016-03-01&search=no

วันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 618

ของใช้ชาวบ้าน

สัจภูมิ ละออ

พญาลืมงาย

ไผ่ นักวิทยาศาสตร์จัดเป็นหญ้าที่ใหญ่ที่สุด

ไทยเรามีไผ่ขึ้นอยู่ทั่วไป เรามีทั้งไผ่ป่าและไผ่ปลูก ไผ่ป่าจะมีหนามแหลมๆ หน่อออกมารสขม เวลาต้มกินต้องใช้ใบย่านางตำใส่ไปด้วย สมัยผู้เขียนเด็กๆ เคยหาไผ่ป่ามาต้มขาย กว่าจะได้แต่ละหม้อต้องหาบหน่อไม้จากป่ามาปอก สับ และต้องหาใบย่านางมาต้มอีกด้วย

ในป่านอกจากมีไผ่ป่าที่มีหนามแหลมแล้ว ยังมีไผ่ลำนวล ผาก และอีกหลายต่อหลายชื่อ ส่วนไผ่ปลูกเรามี ไผ่ตง ไผ่สีสุก ไผ่หวาน และไผ่ประดับ อย่าง ไผ่สีทอง ไผ่น้ำเต้า เป็นต้น

คำว่า “ไผ่” ภาษาเขมร เรียกว่า รึเซิย ในประเทศกัมพูชาก็มีไผ่มากไม่แพ้ประเทศไทย ผู้เขียนเคยไปเมืองละแวกของกัมพูชา เมืองเก่าละแวกมีแนวดงไผ่เป็นแถวๆ เดินเข้าไปก็อดจินตนาการตามประวัติศาสตร์ไม่ได้ เพราะในพงศาวดารเขียนว่า สาเหตุที่เขมรแพ้กองทัพสมเด็จพระนเรศวรนั้น มาจากทหารสยามใช้คันธนูใส่กระสุนยิงเงินเข้าไปในกอไผ่ แล้วทำทีเป็นถอยทัพออกมา เมื่อชาวเขมรที่อยากได้เงินเห็นเข้าก็ไม่รอช้า ก็พากันไปตัดกอไผ่หาเงินกันอย่างสนุกสนาน

ไม่นานกอไผ่ที่เป็นกำแพงป้องกันเมืองก็พังพาบ นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนโลภทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน

เพราะเมื่อกองทัพสยามเห็นเข้าก็ยกทัพกลับเข้าตี ในที่สุดเมืองละแวกก็แตก ข้อความในพงศาวดารจริงเท็จแค่ไหนอย่างไรก็ตาม แนวกอไผ่เมืองละแวกยังมีอยู่ คล้ายท้าทายให้คนสยามไปดู

ไผ่ ชาวบ้านนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง อย่างชาวไทยภาคเหนือนำมาทำที่ตั้งหรือวางสิ่งของ เรียกว่า พญาลืมงาย แปลว่า พญาลืมเช้า

ทำไมถึงเรียกว่า พญาลืมงาย หรือ พญาลืมเช้า ผู้เขียนได้รับคำตอบจากเจ้าของว่า เนื่องจากการทำพญาลืมงายยากมาก ต้องเอาไม้ไผ่ที่เหลาไว้มาประกอบกันทำให้สิ้นเปลืองเวลา และที่สำคัญถ้าไม่เก่งจริงก็ไม่สามารถประกอบได้ ทำเอาพญาทำเพลินไปจนลืมไปว่าเช้าแล้ว

พญาลืมงาย จึงเป็นภูมิปัญญาที่ท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง

หน้าตาของ พญาลืมงาย ถ้าจะเปรียบเทียบกับสิ่งของที่คนทั่วๆ ไปเห็นกันก็คล้ายพวงที่ใส่เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว พวงที่มีช่องใส่แก้วน้ำตาล น้ำส้ม พริกป่น และน้ำปลา นั่นเอง จะผิดกันบ้างก็ตรงพญาลืมงายทำด้วยไม้ไผ่ และใหญ่กว่ามาก

การทำ เราชาวบ้านตัดไผ่ลำแก่ๆ มาตัดเป็นท่อนๆ ผ่าซีก ตัดออกเป็นคู่ๆ เหลาเอาเสี้ยนออก จากนั้นประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงที่เป็นกระโดงขึ้นไป หรือตัวพญาลืมงาย ล้วนเป็นคู่ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว รูปร่างก็จะออกมาเหมือนพวงใส่เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่แรก

ชาวบ้านใช้ประโยชน์อะไรจาก พญาลืมงาย คำตอบก็คือ ใส่ปิ่นโตก็ได้ เอาใส่ของถือไปก็ดี ดูจากรูปทรงแล้วจะเห็นว่า ใส่ปิ่นโตไปทำบุญเหมาะงามที่สุด ใส่ได้ถึง 4 เถา เลยทีเดียว

สมัยผู้เขียนเป็นเด็กวัด เสียดายที่ “สุพรรณบ้านเรา” ไม่มี พญาลืมงาย การถือปิ่นโตตามพระเมื่อออกบิณฑบาต ทำได้แต่เอาไม้มาผูกขาปิ่นโตเข้าด้วยกัน ข้างละ 2 เถา เวลาพระออกบิณฑบาตตอนเช้า เด็กๆ ที่แข็งแรงก็ถือปิ่นโตได้ 4 เถา

ถ้าทำพญาลืมงายเป็น เด็กโตๆ ก็หิ้วไปคนละ 8 เถา ได้อย่างสบายๆ

แต่ละท้องถิ่น ย่อมมีภูมิปัญญาแตกต่างกันไป อย่างการทำพญาลืมงาย ผู้เขียนพบที่ภาคเหนือ คือ จังหวัดเชียงราย ส่วนจังหวัดในภาคเหนืออื่นๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเหมือนกันหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ตาม เครื่องมือของใช้ชนิดนี้ แสดงถึงความสามารถและภูมิปัญญาของบรรพชนอย่างล้ำลึก

กว่าจะคิดและทำได้ เชื่อว่าต้องผ่านขั้นตอนลองผิดลองถูกมานาน เมื่อทำเสร็จแล้วก็งดงามทั้งรูปทรง และพลังแห่งภูมิปัญญาที่แฝงฝากอยู่ในรูปลักษณ์

เจ้าของพญาลืมงายบอกว่า ปัจจุบันหาคนทำได้ยากแล้ว เพราะชิ้นส่วนแต่ละอย่างมีความซับซ้อนมาก ที่ได้มาก็เก็บมาจากบรรพบุรุษที่ทำไว้ สำหรับคนรุ่นใหม่ อย่าว่าแต่ทำเป็นเลย แม้แต่ชื่อบางคนก็ไม่รู้จัก แม้จะเป็นความจริงอันเจ็บปวด แต่ก็ต้องยอมรับ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนแปลง อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป

Leave a comment