ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05125010359&srcday=2016-03-01&search=no
| วันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 618 |
วิถีชาวบ้าน
อาจินต์ ศิริวรรณ
อดีตร่วงโรย ที่โหยหา
คนเราเมื่อมีอายุมากขึ้น แทบจะทุกคนมักหวนย้อนนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ โหยหาหาอดีตที่อยู่ในความทรงจำ เมื่อครั้งวันวานของวัยเยาว์
ข้าพเจ้าก็เช่นกัน
เมื่อมาถึงวัยนี้ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเข้ามาในชีวิตมากมายทั้งสังคมและส่วนตัว
จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ความรู้สึกที่มีต่อเรื่องที่ผ่าน ยังดีกว่าความรู้สึก ณ ปัจจุบันกาลมากมายนัก
ความทรงจำในอดีต จะผุดพรายขึ้นมาทุกครั้งที่เจอกับความสับสนวุ่นวายทางความคิด
ภาพของวัยเยาว์ที่กำลังมีความสุข ความอบอุ่นกับครอบครัว เครือญาติ และกับชุมชนเล็กๆ ที่บ้านเกิด ที่มีความเอื้ออาทร การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปัน การช่วยเหลือซึ่งกัน ในสังคมชนบทเล็กๆ นั้น จะมีให้กันตลอดเวลา
คนในสังคมชนบทหรือแม้แต่ในเมือง เมื่ออดีตนั้น เป็นสังคมที่น่าอยู่น่าอาศัย ไม่แล้งน้ำใจเหมือนคนสมัยนี้ ที่วันๆ มองแต่เรื่องส่วนตัว
การอยู่ร่วมกันในชุมชนแต่เดิมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นญาติๆ มีกันไม่กี่ตระกูล อาจมีบ้างที่อพยพ ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ หรือสืบทอดบรรพบุรุษกันมา จนนับญาติกันได้ทั้งชุมชน
มีวัดเป็นที่พึ่งพิงพบพาของผู้คนในชุมชน มีคนเฒ่าคนแก่ที่ชาวบ้านเคารพนับถือเป็นผู้นำคอยให้คำแนะนำปรึกษา และมีความเคร่งครัดแม่นยำ ในวัฒนธรรมประเพณี ช่วยตัดสินไกล่เกลี่ย แก้ไขปัญหาต่างๆ ในชุมชน
ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ยามเกิดอุบัติเหตุเภทภัย ยามที่โจรขโมยวัว ควาย ข้าวของ ชาวบ้านจะร่วมมือร่วมใจ ช่วยเหลือสืบหา ติดตาม จนได้วัวหรือควายที่ถูกขโมยกลับคืน
สมัยนี้อยู่อย่างตัวใครตัวมัน หรือพึ่งพาความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเท่านั้น
ประเพณีลงแขกคนใต้จะเรียกว่าการออกปาก คือ ไม่ว่าใครเดือดร้อน จะสร้างบ้านหรือลงนา เพียงบอกเพื่อนบ้านว่าจะสร้างวันนั้นจะทำวันนี้ ก็จะมีผู้คนมาร่วมแรงร่วมใจกันจนสำเร็จลุล่วง แล้วก็ร่วมกันกินข้าวพูดคุยกันอย่างอบอุ่น
ปัจจุบัน การลงแขกหรือการออกปาก ไม่มีให้เห็น ใครจะทำอะไร เดือดร้อนอย่างไร เงินเท่านั้นที่ช่วยได้ คือจ้างอย่างเดียว
ความอบอุ่นความสามัคคีในชุมชนจึงมีน้อยลง น้อยลงทุกวัน
ชุมชนในอดีต จะมีคนมีความรู้ความสามารถหลากหลาย บางคนเก่งทางการรักษาโรค บางคนเก่งทางการเพาะปลูก บางคนเก่งทางการเลี้ยงสัตว์ บางคนเก่งทางด้านดนตรีการละเล่นพื้นบ้าน บางคนเก่งทางด้านพิธีกรรมศาสนา
คนเหล่านี้ต่างก็ใช้ความสามารถเพื่อประโยชน์ของชุมชน สร้างความสุขให้ชุมชน โดยไม่ถือเป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทน อย่างมากก็มี “ค่าครู” แต่เพียงเล็กน้อย ซึ่งเงินจำนวนนั้น ก็จะนำไปใช้สำหรับเครื่องมือในการประกอบพิธีกรรมเท่านั้น
ศูนย์กลางของคนในชุมชนอยู่ที่วัด พระสงฆ์เป็นผู้นำทางจิตใจ กิจกรรมของส่วนรวมจะทำกันที่วัด งานบุญประเพณี ตลอดจนการละเล่น มหรสพต่างๆ
ยังจำได้ถึงความสุข ความอบอุ่น ที่ได้รับจากชุมชนเล็กๆ นั้น แม้ไม่อาจจะเรียกหาให้กลับคืนมา
ปัจจุบันกาล ความยุ่งยากสับสนในการใช้ชีวิต การแก่งแย่งเพื่อความอยู่รอดของคนในสังคม ความฟุ้งเฟ้อทางด้านวัตถุ ทำให้ต้องละทิ้งชุมชนแห่งอุดมคติแบบดั้งเดิม ละทิ้งธรรมชาติ เพียงหวังความสะดวก ความสุขสบาย ที่ยิ่งไล่มันก็ยิ่งหนี