ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05121010359&srcday=2016-03-01&search=no
| วันที่ 01 มีนาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 618 |
บัญชีชาวบ้าน
วิโรจน์ เฉลิมรัตนา virojch@yahoo.com
เรื่องของเงินออม และการลงทุน
ในอดีต การออมเงินนั้นมีทางเลือกจำกัดเพียงไม่กี่รูปแบบ เราก็แค่คิดว่าจะเก็บเงินไว้เอง ฝากเงินไว้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงิน หรือไปซื้อทองเก็บไว้ทีละนิด ทีละน้อย
ปัจจุบัน การออมไม่จำกัดแค่เพียงเงินฝาก รูปแบบการออมมีให้เลือกหลากหลาย แต่ละรูปแบบก็มีแรงจูงใจด้านผลตอบแทนที่แตกต่างกัน มีการแข่งขันระดมเงินฝาก เงินออมกัน โดยพยายามออกแบบให้ผู้ออมมีความรู้สึกว่าได้ผลตอบแทนดีกว่า โดยเวลาโฆษณาอาจจะไม่ได้กล่าวถึงความเสี่ยงว่าอยู่ในระดับใด การออมกับการลงทุน ถูกนำมาผูกโยงกันจนแทบจะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน จนแม้แต่การประกันชีวิตก็ถูกออกแบบให้กลืนเป็นส่วนหนึ่งของการออม (แต่บางคนกลับมองว่า การออมถูกกลืนเป็นส่วนหนึ่งของการประกันชีวิต)
เมื่อรูปแบบการออมมีหลากหลายและมีโครงสร้างและรายละเอียดที่ซับซ้อนขึ้น ก็คงเป็นเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจรูปแบบการออมแบบต่างๆ เพื่อให้เราตัดสินใจว่าจะนำเงินไปเก็บออม หรือลงทุนในรูปแบบใดบ้าง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารูปแบบการออม การลงทุน จะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร อย่าลืมหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ
อย่าออมหรือลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้จัก หรือไม่เข้าใจ
อย่าออมหรือลงทุนไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว (ที่เขาพูดกันว่า “อย่าเก็บไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว”)
ผลตอบแทนยิ่งสูง ความเสี่ยงก็สูงตาม
หลักข้อแรก หากมีใครมาชักชวนให้เราออมในตราสาร ในหลักทรัพย์ ในเงินฝากที่มีชื่อแปลกๆ หากสอบถามพูดคุยดูแล้วพบว่า ฟังไม่เข้าใจ มองไม่ออกว่าเรากำลังฝากเงินไว้กับอะไร หรือรู้สึกว่ามีความซับซ้อน หรือมีรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกงงๆ แนะนำให้ถอยห่าง และขอตั้งหลักก่อน ไม่ต้องอายหรือรู้สึกเสียฟอร์มแล้วตอบรับ เพราะเทคนิคของพนักงานขายคือ การทำให้เราไม่มีโอกาสได้ไถ่ถามรายละเอียดให้เข้าใจจริงๆ และมักมีคำกระตุ้นหากถูกเราผัดผ่อนว่า ต้องยืนยันหรือตอบรับทางโทรศัพท์เท่านั้น หรือต้องยืนยันการทำรายการภายในเวลาเท่านั้นเท่านี้ ประกันชีวิตบางแห่งใช้วิธีบอกว่า เราได้รับการคัดเลือกที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ก่อนผู้อื่น มีผู้ได้รับสิทธินี้เพียง 100 คน เท่านั้น ไม่ต้องตรวจร่างกาย ประกันประเภทนี้ได้ทั้งเงินออมและประกันอุบัติเหตุ บาดเจ็บ รักษาพยาบาลไปด้วย ฯลฯ และยิ่งหากพนักงานขายระบุว่าจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างอื่น เรายิ่งต้องตระหนักว่า ความเสี่ยงในเรื่องนั้นจะมากกว่าการออมรูปแบบธรรมดาที่เราคุ้นเคยอย่างแน่นอน
หลักข้อที่สอง การกระจายความเสี่ยง มนุษย์เรามักมีแนวโน้มจะมีความชอบ ความเชื่อมั่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บางคนเชื่อว่า การออมกับเงินฝากดีที่สุด บางคนคิดว่า ฝากเงินไม่มีทางรวย บางคนคิดว่า ต้องลงทุนในหุ้นเท่านั้น แต่บางคนกลับกลัวหุ้น บางคนรู้สึกว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวมแปลว่าเราไม่เจ๋งจริง ฯลฯ
ความเชื่อเหล่านี้มักทำให้เราตัดสินใจออมหรือลงทุนผิด หรือเน้นลงทุนไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป หรือไม่ยอมลงทุนกับหลักทรัพย์บางอย่างที่น่าลงทุน หรือไม่ยอมลงทุนกับตราสารที่เหมาะสมสอดคล้องกับแผนทางการเงินของเราแต่เราไม่ชอบ การหาข้อมูลจึงเป็นทางออกสำหรับป้องกัน แก้ไขความคิด ความเชื่อเหล่านี้ให้เราคิดอย่างสมเหตุสมผล โดยหากเราเรียนรู้ที่จะจัดพอร์ตการออม การลงทุน ให้มีรูปแบบที่หลากหลาย แต่ละแบบจะให้ผลตอบแทนและมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เงินออม เงินลงทุนของเราก็จะได้รับการจัดสรรให้มีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
หลักข้อที่สาม ผลตอบแทนยิ่งสูง ความเสี่ยงก็สูงตาม เป็นหลักธรรมดาที่หากเรามีความเสี่ยงมากขึ้น ถ้าได้ผลตอบแทนก็น่าจะสูงขึ้นด้วย หากเราเป็นคนอนุรักษ์นิยม เราอาจจะไม่อยากลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเกินจุดที่เรารับได้ ก็ไม่ต้องไปฝืน และคำนึงถึงหลักข้อแรกเสมอ คือ หากไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจเรื่องใดก็อย่าผลีผลามไปออม ไปลงทุน
แต่หากเรามีความสามารถในการรับความเสี่ยง เราอาจจะเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนของระดับราคา และสามารถรับมือกับการขึ้นลงของราคาได้ สิ่งเหล่านี้ยังเกี่ยวข้องกับลักษณะการลงทุนของเราอีกด้วยว่า เราลงทุนในระยะสั้น ซื้อเร็ว ขายเร็ว หรือตั้งใจเก็บไว้ในระยะยาว เพราะลักษณะการลงทุนทั้งสองแบบส่งผลแตกต่างกัน หากเราตั้งใจลงทุนระยะสั้น เราจะมีความอดทนต่อการขึ้นลงของระดับราคาน้อยลง และมักจะเผลอซื้อตอนราคาแพง และขายตอนราคาถูก (เพราะทนกับความรู้สึกขาดทุนไม่ไหว และกลัวจะขาดทุนมากกว่านั้นหากเก็บไว้ต่อไป) หากเราตั้งใจเก็บไว้ระยะยาว เรามักจะพิจารณาพื้นฐานเป็นเบื้องต้นว่า หลักทรัพย์ที่จะลงทุนนั้นในระยะยาวดีแน่ ในระหว่างทางหากแม้ว่าราคามันจะตกต่ำ เราก็ไม่หวาดหวั่น เสียขวัญ และใจนิ่งพอที่จะรอราคาขึ้นในระยะยาว เป็นต้น
ประเด็นอื่นๆ ในการออม การลงทุนที่ควรกล่าวถึง ได้แก่
1. วางแผนการออมว่า จะเก็บไว้ใช้ในอนาคต เผื่อเวลาฉุกเฉิน เพื่อเก็บไว้ใช้ในสิ่งที่อยากได้ หรือเก็บไว้เพื่อการลงทุนในสิ่งที่อยากทำ
2. แม้การออม การลงทุน จะกลืนเป็นเรื่องเดียวกัน แต่การออมนั้นมักมีรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้นต่ำ และได้รับผลตอบแทนไม่มากนักเมื่อเทียบกับการลงทุน รูปแบบจึงมักจะเป็นการฝากออมทรัพย์ การฝากประจำ การซื้อสลากออมทรัพย์
3. สัดส่วนการออมนั้น ว่ากันว่า ประมาณ 1 ใน 4 ของรายได้แต่ละเดือน เป็นสัดส่วนที่เหมาะสม แต่ขึ้นอยู่กับกำลังและแผนทางการเงินของแต่ละบุคคล เช่น หากมีแผนการใช้เงินในระยะเวลาอันใกล้ อาจจะต้องออมมากกว่า 1 ใน 4 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น
4. การออมนั้นต้องหักเงินออมออกจากรายได้ ก่อนนำเงินที่เหลือไปใช้จ่าย บางคนอธิบายโดยใช้สมการว่า รายได้ – เงินออม = เงินสำหรับใช้จ่าย ก็ยังเป็นสูตรที่ใช้ได้ผล และควรยึดถือจนเป็นนิสัย
5. เงินออมมักจะมาก่อนเงินลงทุน คือเริ่มจากการออม เมื่อมีจำนวนมากขึ้น มีส่วนเกินเพียงพอจนถึงระดับที่เราวางใจ และมีเงินสำรองในระดับหนึ่งแล้ว จึงค่อยแบ่งสัดส่วนเงินออมไปลงทุน ทั้งนี้ เพื่อให้ผลตอบแทนที่ได้สูงขึ้น เพิ่มความมั่งคั่งในอัตราที่เร็วขึ้น การคิดในลักษณะนี้ไม่ใช่คิดด้วยความโลภ แต่คิดเพื่อให้เงินออมของเราเพียงพอกับระดับเงินเฟ้อที่จะมีผลทำให้ “ค่าของเงิน” ของเราลดต่ำกว่าระดับที่เพียงพอสำหรับไว้ใช้ในยามเกษียณ
6. เราเริ่มออมเร็วเท่าใด เงินก็จะงอกเงยมากขึ้นเท่านั้น มีสูตรที่คำนวณเพื่อให้เรามองเห็นภาพง่ายๆ คือ หากเราต้องการเงิน 1 ล้านบาท เพื่อการเกษียณ หากผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปี หากเริ่มออมตั้งแต่อายุ 31 ปี จะต้องออมเพียงปีละ 15,000 บาท เท่านั้น แต่หากเริ่มออมเมื่ออายุ 51 ปี จะต้องออมถึงปีละ 76,000 บาท
7. รัฐมีการคุ้มครองเงินฝากสำหรับเงินฝากธนาคาร เป็นหลักประกันว่าเงินต้นของเราจะไม่สูญหาย แต่หากเราลงทุนในหลักทรัพย์ เงินต้นอาจสูญหายได้ ก็ต้องแบ่งสรรปันส่วนเพื่อการออมและการลงทุนในอัตราส่วนที่เหมาะสม
การออมเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรใส่ใจ และเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย ในช่วงที่เริ่มต้นจำเป็นต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง และต้องพยายามตัดภาระและการใช้ของที่เกินฐานะออกไป เมื่อเริ่มต้นได้สักระยะหนึ่ง เงินออมก้อนแรกจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายการออมได้ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากเราเผลอตกไปอยู่ในฝั่งที่ก่อหนี้ก่อสินแล้ว โอกาสวิ่งให้หลุดจากวงจรการเป็นหนี้เป็นเรื่องที่จะทวีความยากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน