กล้าไม้ล้านต้น ของ สังวาลย์ พรมพูล ที่สวนลุงหวาน พันธุ์ไม้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05062150359&srcday=2016-03-15&search=no

วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 619

รายงานพิเศษ

กล้าไม้ล้านต้น ของ สังวาลย์ พรมพูล ที่สวนลุงหวาน พันธุ์ไม้

บนพื้นที่ 15 ไร่ ของบ้านเลขที่ 9/3 หมู่ที่ 1 ตำบลศรีกะอ่าง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก โทร. (081) 577-9909 คือที่ตั้งของ สวนลุงหวาน พันธุ์ไม้ แหล่งผลิตจำหน่ายกล้าไม้ยืนต้นแหล่งใหญ่ของจังหวัดนครนายก โดยมีกล้าไม้ที่จำหน่ายไม่ต่ำกว่า 120 ชนิด จำหน่ายให้กับผู้สนใจได้นำไปปลูก

“เราเน้นการส่งเสริมให้คนไทยได้ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มผืนป่าให้กับประเทศไทย ดังนั้น หากสนใจต้องการกล้าไม้ไปปลูก ขอเพียงให้มาเยี่ยมชมและเลือกซื้อ ไม่ว่าจำหน่ายเท่าไรทางสวนเราจำหน่ายให้หมด ตั้งแต่หนึ่งต้นไปจนเป็นหมื่นต้น แสนต้น เราสามารถบริการให้ได้ทั้งหมดและตลอดทั้งปี”

คุณสังวาลย์ พรมพูล เกษตรกรเจ้าของสวนลุงหวาน พันธุ์ไม้ สาขาจังหวัดนครนายก ให้ข้อมูลถึงแนวทางในการให้บริการแก่ลูกค้า ด้วยประสบการณ์ที่มีมากกว่า 20 ปีกับอาชีพนี้ นอกเหนือการให้ความสำคัญกับด้านการบริการแล้ว ยังเน้นถึงคุณภาพของกล้าไม้เป็นเรื่องสำคัญอีกประการ ที่กล้าไม้ทุกต้นต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีความแข็งแรง ต้นใหญ่ พร้อมให้นำไปปลูก

สำหรับสวนลุงหวาน พันธุ์ไม้นั้น เป็นชื่อสวนที่ประกอบการเกี่ยวกับการจำหน่ายกล้าไม้และไม้ขุดล้อม ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะ ลุงหวาน ซึ่งเป็นพ่อตาของพี่สังวาลและเป็นที่มาของชื่อสวนนั้น ถือเป็นผู้บุกเบิกวงการกล้าไม้และไม้ขุดล้อม ที่ได้รับการยอมรับเป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน

ด้วยปัจจุบันลุงหวานมีอายุที่มากขึ้น การดำเนินงานในกิจการพันธุ์ไม้ในสวนที่จังหวัดนครนายก พี่สังวาลย์และภรรยาได้เข้ามาสืบสานอาชีพต่อมาจนถึงปัจจุบัน

“ในส่วนของราคาจำหน่ายนั้น เราเน้นจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยา ทุกสายพันธุ์ ทุกต้น เราจำหน่ายเพียงต้นละ 10 บาท เท่านั้น”

สำหรับกล้าไม้ที่จำหน่ายจะอยู่ในถุงดำ ขนาด 3.5×9 นิ้ว โดยดินปลูกจะมีส่วนผสมของดินและแกลบดำ และด้วยผ่านการดูแลมาเป็นอย่างดีจึงทำให้ได้ต้นที่อวบใหญ่ แข็งแรง เมื่อนำไปปลูกจึงทำให้เจริญเติบโตได้ดี ไม่ค่อยตาย

“แต่ถามว่าการแข่งขันสูงไหมในวงการผลิตและจำหน่ายกล้าไม้ป่า ต้องบอกว่า สูงมาก เพราะเดี๋ยวนี้มีรายย่อยเกิดขึ้นมาก ทำให้เกิดการตัดราคาขายกันมากขึ้น รวมถึงต้นทุนค่าแกลบดำ ค่าดินที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้นทุนสูง ดังนั้น การที่จะอยู่ได้ต้องเน้นเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญ”

“การทำอาชีพแบบผมขึ้นอยู่กับการเกร็งตลาดด้วยว่า ปีนี้ต้นไม้ไหนจะเป็นที่ต้องการของตลาด พอได้ข้อสรุปแล้วก็จะไปหาต้นกล้าจากแหล่งผลิตในจังหวัดต่างๆ มาปลูกไว้รอตลาด หากตลาดไปได้ดีอย่างที่คาดการณ์ เราก็จะมีกำไร หากไม่เป็นไปตามนั้น ก็จะเลี้ยงไปเรื่อยๆ รอเวลาที่จะขายได้” พี่สังวาล กล่าวและว่า

“ส่วนลูกค้าของเรานั้นมีมาจากทั่วประเทศ ทั้งที่ประชาชนทั่วไป พ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านจำหน่ายพันธุ์ไม้ รวมถึงผู้ประมูลงานส่งกล้าไม้ตามโครงการต่างๆ”

สำหรับในช่วงที่จะจำหน่ายกล้าไม้ดีตลาดมีความต้องการนั้น เจ้าของสวนลุงหวาน พันธุ์ไม้ บอกว่า จะเริ่มจำหน่ายได้ดีตั้งแต่ช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคม ไปถึงเดือนกันยายน

“สำหรับการปลูกกล้าไม้ยืนต้นนั้น ถ้าดินอยู่แล้วไม่ต้องขุดหลุมลึกก็ได้ เพียงขุดหลุมใหญ่กว่าถุงดำสักหน่อยแล้วลงปลูก เพราะไม้พวกนี้มีรากแก้ว จะสามารถตั้งตัวและเจริญได้ดีตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่กรณีดินไม่ดีอาจต้องมีการปรับปรุงดินด้วยการผสมปุ๋ยคลุกรองพื้นด้วย และก่อนปลูกอย่าเพิ่งรดน้ำที่ถุงดำ เพราะถ้ารดน้ำก่อนตอนเอาต้นออกจากถุงดำจะทำให้ดินโคนต้นแตก กระทบต่อรากซึ่งไม่ดี หลังปลูกแล้วจึงรดน้ำจะดีกว่า” พี่สังวาล ให้ข้อแนะนำ

ชมกล้าไม้ ที่สวนลุงหวาน

ภายใต้ซาแรนสีดำที่กางคลุมทั่วพื้นที่ มีกล้าไม้ทั้ง 120 ชนิด ซึ่งผู้เป็นเจ้าของบอกว่า จำนวนต้นมีมากกว่า 1,000,000 ต้น ทั้งที่เป็นไม้ป่ายืนต้น เพื่อใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ ไม้ประดับยืนต้น และไม้ยืนต้นกินยอดกินใบ

“ผมทำของผมไปเรื่อยๆ ที่ว่างตรงไหนมีจัดทำเป็นแปลงเลี้ยงกล้าไม้ เราต้องเตรียมกล้าให้พร้อมเสมอเพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าได้ตลอดเวลา”

พี่สังวาล บอกว่า ในการผลิตกล้าไม้จำหน่ายนั้น จะไม่ได้เพาะต้นกล้าเอง แต่จะใช้วิธีการไปสั่งซื้อต้นกล้าจากแหล่งผลิตของเกษตรกรในจังหวัดต่างๆ ที่เพาะจำหน่ายแล้ว นำมาเปลี่ยนลงถุงดำและเพาะเลี้ยงเพื่อรอจำหน่าย

สำหรับในที่นี้คงไม่สามารถกล่าวได้หมดว่าแต่ละชนิดที่ปลูกเลี้ยงในสวนแห่งนี้มีอะไรบ้าง ขอเพียงแต่ขอตัวอย่าง เช่น

ราชพฤกษ์ หรือ คูน ไม้ต้น ผลัดใบ สูง 8-15 เมตร ที่จะออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ประโยชน์ ดอกแก้ไข้ เป็นยาระบาย ใบต้มดื่มเป็นยาระบาย ขับพยาธิ รากและแก่นขับพยาธิ

เสลา ไม้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ เป็นพรรณไม้ขนาดกลาง สูงได้ถึง 20 เมตร ประโยชน์ ใบบดกับกำยานใช้ทาผดผื่นคัน ผลใช้ทำไม้ประดับแห้ง

บุนนาค พรรณไม้ยืนต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ประโยชน์ เป็นไม้ไทย ให้ดอกหอม ร่มเงา ดอกสีขาว เป็นยาสมุนไพร สามารถทำเป็นไม้แปรรูปได้

สุพรรณิการ์ พรรณไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ประโยชน์ เป็นไม้ดอกสวยงาม สีเหลือง

พะยอม ไม้ต้น ขนาดใหญ่ ประโยชน์ เป็นไม้เศรษฐกิจ และเปลือกนำไปใส่ในเครื่องหมักดองเพื่อกันบูด ใช้ฟอกหนังได้

ลำดวน เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สูง 3-8 เมตร ประโยชน์ ดอกหอม สีขาวอมเหลือง เป็นไม้เนื้อแข็ง นำไปทำด้ามมีด จอบ ขวาน

ตะแบก เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 15-30 เมตร ไม้ที่ให้ดอกสีม่วงอมชมพูสวยงาม โดยออกดอกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์

อินทนิล เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร กลีบดอกสีชมพู สีม่วงแกมชมพู หรือสีม่วง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ผลเป็นผลแห้ง มีขนาดใหญ่

กันเกรา ไม้ที่มีรูปทรงต้นเปลาตรง ประโยชน์ เปลือกบำรุงโลหิต แก้ผิวหนังพุพอง ปวดแสบปวดร้อน ขับลม แก้ไข้ แก้ปวดตามข้อ และเป็นยาอายุวัฒนะได้อีกด้วย

พิกุล ไม้ยืนต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-25 เมตร เป็นไม้ที่มีกลีบดอกสีขาวนวล มีกลิ่นหอม

แคนา ไม้ต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 10-20 เมตร ประโยชน์ ดอกและยอดอ่อนรับประทานได้

ปีบ ไม้ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 25 เมตร ประโยชน์ รากทำยาบำรุงปอด รักษาวัณโรค ดอกสูบแก้ริดสีดวงจมูก เปลือกทำจุกก๊อกขนาดเล็ก

ประดู่กิ่งอ่อน ไม้ต้น ขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 10-20 เมตร ประโยชน์ รากทำยาบำรุงปอด รักษาวัณโรค ดอกสูบแก้ริดสีดวงจมูก เปลือกทำจุกก๊อกขนาดเล็ก

ประดู่ป่า ไม้ต้น ขนาดใหญ่ สูงถึง 30 เมตร ประโยชน์ ใบพอกบาดแผล แก้ผดผื่นคัน เปลือกต้นแก้ท้องเสีย และใช้น้ำฝาดสีน้ำตาลใช้ย้อมผ้า ปุ่มประดู่มีลวดลายสวยงาม ราคาแพง

ยางนา ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ ประโยชน์ เปลือกต้นรสฝาดเฝื่อนขม ต้มดื่มแก้ตับอักเสบ บำรุงร่างกาย ฟอกโลหิต ใช้ทาถูนวด แก้ปวดตามข้อ

สัก ไม้ต้นขนาดใหญ่ ผลัดใบในฤดูร้อน ลำต้นเปลาตรง เปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็กๆ สีเทา โคนเป็นพูพอนต่ำๆ เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกลมค่อนข้างทึบ เปลือกสีเทา เรียบ หรือแตกเป็นร่องตื้นตามความยาวลำต้น ขึ้นเป็นหมู่ในป่าเบญจพรรณ

ปีบเงิน ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 25 เมตร ประโยชน์ รากทำยาบำรุงปอด รักษาวัณโรค ดอกสูบแก้ริดสีดวงจมูก เปลือกทำจุกก๊อกขนาดเล็ก

ปีบทอง หรือ กาซะลองคำ ไม้ดอกสวยที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนเป็นจำนวนมาก

ไม้เดิน และไม้ตลาดตาย

“กล้าไม้แต่ละชนิดในแต่ละปีจะขายดีไม่เหมือนกัน แล้วแต่ว่าปีนั้นตลาดหรือคนปลูกนิยมอะไร ถ้าเข้ามาที่สวนจะเห็นว่าบางชนิดจะมีต้นใหญ่สวย เลี้ยงมา 2-3 ปี แต่ที่เลี้ยงนานไม่ใช่อะไร เพราะกล้าไม้ชนิดนี้ตลาดไม่เดิน เลยต้องรอเวลาอีกหน่อย แต่ผมไม่กังวล อันไหนตลาดไม่เดิน เราก็เลี้ยงไว้ รดน้ำเช้า กลางวัน เย็น ให้ปุ๋ยดูแลกันไป ของใหม่เราก็ทำเสริมขึ้นมา จากไม้ตาย รอเวลาอีกหน่อยก็จะเป็นไม้เดิน” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพี่สังวาลย์หลังให้ข้อมูล

จากคำบอกเล่าของเจ้าของสวนแห่งนี้ จะมีศัพท์ 2 คำ ที่กล่าวถึงอยู่เสมอ นั่นคือ คำว่า ไม้ตลาดตาย และ ไม้เดิน

ไม้ตลาดตาย เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกชนิดของพันธุ์ไม้ที่ตลาดไม่ค่อยซื้อในช่วงเวลานั้นๆ

ส่วนไม้เดิน คือไม้ที่ตลาดต้องการ มีเท่าไรขายหมด

“การที่พันธุ์ไม้ไหนจะเป็นไม้ตายหรือไม้เดินนั้น ไม่เหมือนกันสักปี บางตัวปีที่แล้วเป็นไม้เดิน มีเท่าไรหมด ไม่พอขาย แต่มาปีนี้กลับเป็นไม้ตลาดตาย ไม่มีใครสั่งซื้อ อย่าง ต้นชมพู่น้ำดอกไม้ ปีที่ผ่านมาขายดีมาก แต่ปีนี้เงียบ ซื้อไปกันน้อยมาก แต่ที่เงียบไปเลยคือ ต้นตีนเป็ด หรือพญาสัตตบรรณ สาเหตุเพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่มีกลิ่นของดอกแรง บางคนบอกว่าเหม็น หลังๆ จึงไม่มีคนนิยมปลูกกัน”

“หรืออย่างต้นแคนา เมื่อปี 2558 ปรากฏว่าเป็นไม้ที่เดินมาก เพราะดอกกินได้ คนชอบจะไปเก็บดอกมากินช่วงดอกบาน จึงทำให้หลายหน่วยงานที่มีนโยบายส่งเสริมการปลูกป่า สั่งไปปลูกกันมากในทุกสถานที่ แต่มาปีนี้ ตลาดกลับเงียบไม่สั่งกัน เหตุเพราะอาจมีการปลูกกันไปจำหน่ายมากแล้ว”

ส่วนไม้เดินในปี 2559 พี่สังวาล บอกว่า ปีนี้มีหลายตัวที่ได้รับความสนใจจากตลาด อย่างแรกที่มาแรงคือ พันธุ์ไม้ที่อยู่ในกลุ่มเก็บใบกินยอดกินใบ เป็นอาหารของคนเรา ได้กลายเป็นไม้เดินที่ตลาดมีความต้องการมาก สาเหตุหนึ่งอาจเพราะมีโครงการส่งเสริมการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ต่างๆ ที่เน้นการปลูกไม้กินยอดกินใบเป็นไม้หลัก เช่น ต้นชะมวง ต้นผักเม็ก ต้นผักแต๋ว มะตูมแขก นอกจากนี้ ที่มีมาแรงตามมาคือกลุ่มของไม้ป่าที่ใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้ เช่น ไม้เต็ง ไม้พะยูง ไม้ยางนา ไม้ตะเคียน ไม้พะยอม ไม้แดง ไม้สัก และไม้กฤษณา เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีต้นมะเดื่อชุมพร ด้วยมีการนำไปทำต้นตอเพื่อเสียบยอดต้นมะเดื่อฝรั่งจำหน่ายตามสวนของเกษตรกรต่างๆ และมีการนำไปปลูกเป็นสวนป่าตามโครงการต่างๆ ของราชการ

“ปัจจัยว่าไม้ชนิดไหนจะเดินหรือจะตาย มาทุกวันนี้มีจากหลายสาเหตุเอาแน่นอนไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ กระแสจากสังคมออนไลน์ ที่หากมีไม้ชนิดไหนที่มีการเผยแพร่กัน จะเป็นไม้ที่มีการสั่งซื้อเข้ามามาก ล่าสุดอย่างที่ทุกคนทราบกันดีคือ ชมพูพันธุ์ทิพย์ พอมีเทศกาลดอกชมพูพันธุ์ทิพย์บาน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ปรากฏว่ามีการสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้นเหลืองอินเดียที่มีการออกข่าว ปรากฏว่ามีการสั่งซื้อเข้ามาเยอะเช่นกัน”

ที่นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวของคนจำหน่ายกล้าไม้ ที่ลุงหวาน พันธุ์ไม้

ไม้มงคล เสริมโชควาสนาตามวันเกิด

การปลูกต้นไม้ นอกจากจะสร้างความร่มรื่นแล้ว หากปลูกให้เข้ากับวันเกิดก็จะช่วยเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาต้นไม้มาปลูก วันนี้มีวิธีการเลือกซื้อต้นไม้ให้ถูกโฉลกกับวันเกิดมาฝาก…

คนที่เกิดวันอาทิตย์ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจสูง อารมณ์ร้อน โกรธง่ายหายเร็ว สุภาพอ่อนโยน คล่องแคล่ว ชอบพบปะผู้คน พูดจาดีมีหลักการ ควรปลูกต้นไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้ม เช่น ต้นโป๊ยเซียน โกสน จำปา ราชพฤกษ์ (คูน) กุหลาบ ชบา

คนที่เกิดวันจันทร์ เป็นคนมีเสน่ห์ ละเอียด รอบคอบ พิถีพิถัน เป็นคนเจ้าสำราญ มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีน้ำใจ ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกสีขาวหรือเหลือง-ส้ม เช่น วาสนา โกสน มะลิ ราตรี มะม่วง มะยม กวนอิม โป๊ยเซียน จำปี พลูด่าง แก้ว มะละกอ ชะพลู บัวบก

คนที่เกิดวันอังคาร เป็นคนจิตใจกล้าหาญ ใจนักเลง มีบุคลิกเหมือนคนแข็งห้าวหาญ พูดจาตรงไปตรงมา ไม่อ่อนหวาน แต่พูดในทางผลประโยชน์ได้ดี อารมณ์ร้อน มีความอดทนสูง ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกสีแดง หรือชมพู เช่น กุหลาบ เข็ม โกสน อัญชัน โป๊ยเซียน ชบา พญายอ

คนที่เกิดวันพุธ เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง มีจิตใจกล้าหาญ ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกสีเหลือง เช่น กวนอิม วาสนา พลูด่าง โป๊ยเซียน มะละกอ กล้วย ราชพฤกษ์ (คูน) กุหลาบ โกสน ชบา

คนที่เกิดวันพฤหัสบดี เป็นคนฉลาดหลักแหลม มีความละเอียดลึกซึ้ง ทำงานประณีต เชื่อในความคิดของตัวเองสูง โกรธง่ายหายเร็ว ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกสีขาว เช่น มะลิ จำปี ราตรี พุด กุหลาบ (ขาว) แก้ว

คนที่เกิดวันศุกร์ เป็นคนขี้น้อยใจ จิตใจดี ชอบพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน รักเพื่อนฝูง มีน้ำใจ ไม่ทะเยอทะยาน ควรปลูกต้นไม้ที่มีดอกสีแดงและชมพู เช่น กุหลาบ อัญชัน เข็ม ชบา โกสน โป๊ยเซียน

คนที่เกิดวันเสาร์ เป็นคนกล้าแกร่งห้าวหาญ ใจกล้า สุขุมรอบคอบ ควรปลูกต้นไม้อย่าง วาสนา กวนอิม มะลิ ราชพฤกษ์ (คูน) จำปี ชมพู่ มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง

ช่วงภัยแล้งระวังไฟ

คุณเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ที่คาดการณ์ว่าน่าจะมีความรุนแรง การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มีความห่วงใยสวนยางพาราของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในแต่ละพื้นที่ ที่อาจขาดแคลนน้ำจนก่อให้เกิดความแห้งแล้ง ซึ่งในช่วงแล้งเป็นช่วงที่อากาศร้อนและมีแสงแดดแรง เป็นสาเหตุทำให้ดินแห้งและส่งผลกระทบต่อต้นยางพารา เกษตรกรจึงควรให้ความสำคัญในการดูแลสวนยาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวนยางปลูกใหม่และสวนยางเล็ก อายุไม่เกิน 3 ปี ควรเตรียมการล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ช่วงแล้งประมาณ 1 เดือน โดยควรจัดการสวนยางอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น การกำจัดวัชพืชในสวนยาง พร้อมทั้งหาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ซากวัชพืช หญ้าคา หรือฟางข้าว มาคลุมโคนต้นยางเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน รวมถึงการตัดแต่งกิ่งต้นยางเพื่อลดแรงต้านลม และใช้ปูนขาวทาบริเวณที่ตัดแต่งกิ่ง ซึ่งการจัดการและหมั่นตรวจตราดูแลสวนยางอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยแล้งได้

“พี่น้องชาวสวนยางควรทำแนวกันไฟในสวนยางเพื่อป้องกันไฟลุกลามจากบริเวณใกล้เคียง โดยการขุดถากวัชพืชและเก็บซากพืชบริเวณรอบๆ สวนยาง ออกเป็นแนวกว้างประมาณ 3-5 เมตร และควรกำจัดวัชพืชบริเวณแถวยางออกข้างละ 1 เมตร แล้วนำเศษวัชพืชมาคลุมโคนต้นยาง และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชในหน้าแล้ง เพราะวัชพืชที่แห้งตายอาจเป็นเชื้อเพลิงทำให้เกิดไฟไหม้สวนยางได้”

“นอกจากนี้ แสงแดดในช่วงที่มีอากาศร้อนอาจทำให้ต้นยางพารามีรอยไหม้ เกษตรกรสามารถแก้ไขได้โดยใช้ปูนขาวละลายน้ำทาบริเวณโคนต้น สูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร รวมถึงการปลูกพืชแซมในสวนยางที่ให้ความชุ่มชื้นกับดิน อาทิ กล้วยและสับปะรด ก็สามารถช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับพี่น้องชาวสวนยางระหว่างช่วงปิดกรีดอีกทางหนึ่ง พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง สามารถขอคำปรึกษาการดูแลสวนยาง และข้อมูลที่สนใจเพิ่มเติมได้ที่ การยางแห่งประเทศไทยในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน” คุณเชาว์ กล่าวทิ้งท้าย

Leave a comment