ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05115150359&srcday=2016-03-15&search=no
| วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 619 |
ฎีกาชาวบ้าน
โอภาส เพ็งเจริญ o-pas@matichon.co.th
ห้ามโอน
เมื่อปี 2531 สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ออกหนังสืออนุญาตให้คุณโผงมีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. เนื้อที่ 10 ไร่
ต่อมา ปี 2542 คุณจำนูญได้เข้าครอบครองที่ดินผืนนั้น โดยคุณจำนูญอ้างว่าคุณโผงขายที่ดินนั้นให้
แต่ต่อมาคุณโผงมายื่นฟ้องคุณจำนูญ ขอให้ศาลขับไล่ออกจากที่ดินนั้น แล้วเรียกค่าเสียหายด้วย
คุณจำนูญให้การต่อสู้คดีว่า ได้ซื้อที่ดินมาจากคุณโผงแล้ว เข้าครอบครองทำประโยชน์มาจนถึงปัจจุบันนานนับสิบปีแล้ว คุณโผงขาดสิทธิในที่ดินไปแล้ว เพราะสละสิทธิการครอบครองให้ตน ทั้งไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กฎ ข้อบังคับ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้ขับไล่คุณจำนูญ ให้ชำระค่าเสียหาย
คุณจำนูญอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้ขับไล่คุณจำนูญ แต่ให้แก้เรื่องค่าเสียหาย
คุณจำนูญฎีกาคดี
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คุณโผงจะได้ขายที่ดินให้แก่คุณจำนูญ แต่ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินซึ่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตาม พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 36 ทวิ
แม้ ส.ป.ก. จะอนุญาตให้คุณโผงเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน แต่มิใช่เป็นการโอนที่ดินให้ตกเป็นสิทธิขาดแก่คุณโผง ที่ดินยังเป็นของ ส.ป.ก. และ ส.ป.ก. มีอำนาจควบคุมดูแลที่ดิน คุณโผงจึงไม่อาจที่จะสละหรือโอนสิทธิในการเข้าทำประโยชน์ให้แก่บุคคลอื่นโดยการซื้อ-ขาย ได้
ยิ่งกว่านั้น ตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มาตรา 39 ยังห้ามมิให้บุคคลผู้ได้รับสิทธิในที่ดิน โดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแบ่งแยกหรือโอนสิทธิในที่ดินไปยังบุคคลอื่น เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม หรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกร หรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
สัญญาซื้อ-ขาย ที่ดินระหว่างคุณโผงและคุณจำนูญ จึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยชัดแจ้งโดยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150
คุณโผงไม่อาจสละหรือโอนสิทธิในที่ดินให้แก่บุคคลอื่นได้ ต้องถือว่า คุณจำนูญเพียงครอบครองที่ดินนั้นไว้แทนคุณโผง
คุณโผงเป็นผู้มีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินโดยแท้จริง จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ชอบที่จะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมของสัญญาซื้อ-ขาย ที่ดินขึ้นกล่าวอ้างได้ ตามมาตรา 172 วรรคหนึ่ง และการที่คุณจำนูญโต้แย้งสิทธิของคุณโผงด้วยการไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดิน ย่อมเป็นการอาศัยอยู่โดยละเมิด คุณโผงจึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คุณจำนูญก็หงอยไปสิ
(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2558)
————————————————
พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
มาตรา 36 ทวิ บรรดาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ใดๆ ที่ ส.ป.ก. ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ หรือได้มาโดยประการอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ให้ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุ และให้ ส.ป.ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินมีอำนาจออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเกี่ยวกับที่ดินของ ส.ป.ก. ตามวรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ตามที่ ส.ป.ก. ร้องขอ
มาตรา 39 ที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะทำการแบ่งแยก หรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม หรือโอนไปยังสถาบันเกษตรกร หรือ ส.ป.ก. เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 150 การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้ง โดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ
มาตรา 172 โมฆะกรรมนั้นไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ และผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างก็ได้
ถ้าจะต้องคืนทรัพย์สินอันเกิดจากโมฆะกรรม ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้แห่งประมวลกฎหมายนี้มาใช้บังคับ
เรื่อง -ช้องแมว : ไม้ที่เป็นยา
คอลัมน์-ปลูกต้นไม้จากหนังสือ
โดย-สุวรรณ พันธุ์ศรี
ถ้าหากเป็นผู้ที่ติดตามข่าวสารก็จะรู้ว่า ปัญหาอาชญากรรมจะเกิดขึ้นตลอดเวลา และมีแนวโน้มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน มีข่าวที่ประเทศขายอาวุธออกมากที่สุด มีอยู่สองสามประเทศ
ถ้าหากว่าประเทศเหล่านั้นสุมหัวกันผลิตอาหาร เพื่อช่วยเหลือประเทศที่ยากจน ก็จะเป็นเรื่องดี
ที่โลกร้อน อุณหภูมิสูงขึ้น ก็เพราะประเทศใหญ่ใหญ่ทำแต่อุตสาหกรรมหนัก
อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ไม่ค่อยคิดจะยอมทำ
อย่าลืมว่า อาวุธเป็นของที่กินไม่ได้ มีแต่จะใช้ทำลายล้างกัน
เมื่อมนุษย์ฝักใฝ่แต่วัตถุ จิตใจจึงหยาบกระด้าง ขาดความรัก ความเมตตา เห็นคนอื่นไม่มีค่า
ทุกวันนี้มนุษย์ใช้ปัจจัยเกินความจำเป็น ชนิดฟุ่มเฟือยเกินขนาด
การใช้ชีวิตที่เกินพอดี หรือขาด มนุษย์เองนั่นแหละเดือดร้อน
มนุษย์ส่วนใหญ่โหยหาธรรมชาติ แต่ไม่รู้จักธรรมชาติ ชีวิตจึงตั้งอยู่บนความประมาท
ลองหันมาปลูกต้นไม้ดูสักต้น เผื่อจะรู้จักธรรมชาติขึ้นมาบ้าง
ถ้ายังไม่รู้จะปลูกต้นอะไรก็จะบอกให้ ปักษ์นี้จะชวนปลูกต้น “ช้องแมว”
ต้นช้องแมวนี้ นักพฤกษศาสตร์จัดอยู่ในจำพวกไม้รอเลื้อยแบบยืนต้น หากมีต้นไม้ยืนต้นอยู่ใกล้ใกล้ ก็พร้อมที่จะเลื้อยเกาะ
แต่หากไม่มีต้นไม้อื่นอยู่ใกล้ใกล้ จะยืนต้นเป็นทรงพุ่ม สูงเฉลี่ย 6 ถึง 7 เมตร
ลักษณะของใบ จะมีขนาดเล็กอย่างใบพุทรา ตรงกลางใบจะแยกออกเป็น 2 แฉก ผิวใบเรียบ สีเขียวสด
เมื่อมีดอก จะออกดอกเป็นช่อยาว สีเหลืองจัด ปากดอกจะบานออกคล้ายกระบอกเขาควาย
ต้นช้องแมว เป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดด การขยายพันธุ์ นิยมปักชำกิ่ง
คนแต่โบราณท่านศึกษาจนรู้ว่า ต้นช้องแมว มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร โดยเฉพาะ ราก และใบ
ราก มีสรรพคุณแก้ร้อนใน แก้กษัย และเป็นยาดับพิษทุกชนิด
ใบ มีสรรพคุณแก้บวม ขับถ่ายพยาธิ แก้ปวดฟัน ถ้าตำพอกศีรษะ แก้ปวดหัว และกันผมร่วง
หากนำใบและรากมาตำรวมกัน ใช้น้ำล้างบาดแผลจะหายเร็ว หรือหยอดหูแก้น้ำหนวก
นี่คือสิ่งที่ได้จากการปลูกต้นช้องแมว
ส่วนเรื่องสรรพคุณ หากจะใช้ขอให้ปรึกษาผู้รู้เฉพาะทางจะเป็นการดีที่สุด
เพราะของทุกอย่าง มีทั้งคุณและโทษ