จัดทัพใหญ่ประคองยอดขาย แอมเวย์ชู “บอดี้คีย์บายนิวทริไลท์” เรือธง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 ส.ค. 2559 05:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/681988

 

“แอมเวย์” ยักษ์ใหญ่ขายตรง ปรับแผนใหญ่ รุกหนักสินค้าเพื่อสุขภาพ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กลุ่มควบคุมน้ำหนักใช้ “บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์” เป็นเรือธง ดันยอดสิ้นปี 59 เติบโต 5% ทำรายได้แตะ 17,325 ล้านบาท

นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนปีนี้แอมเวย์ยังคงเน้นทำตลาดสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพเต็มสูบ โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “นิวทริไลท์” ที่มีทั้งดูแลสุขภาพทั่วไป และดูแลเรือนร่าง เพราะเป็นเทรนด์ของตลาดโลก เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ประกอบกับพบว่าภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงินมาก สินค้าในกลุ่ม “นิวทริไลท์” ลูกค้ายังยินดีจ่ายเงินซื้อต่อเนื่อง และมีความจงรักภักดี (แบรนด์รอยัลตี้) สูง แบบไม่สนใจเรื่องราคา

“ปีนี้จะโฟกัสในกลุ่มดูแลเรือนร่างและควบคุมน้ำหนักเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วและแรงมาก เนื่องจากเป็นเทรนด์ของโลก ดูจากหลังเปิดตัวสินค้าใหม่ “บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์” ไปเมื่อเดือน ก.ย.2558 ที่ผ่านมา พบว่า มีผลตอบรับดีเกินคาดจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ทั้งผู้หญิง-ผู้ชาย มียอดขายเติบโต 30-40% ปี 2558 ทำได้แตะ 300-400 ล้านบาท และปี 2559 คาดว่าจะทำได้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นยอดขายหลักในการผลักดันให้ผลประกอบการ 5 เดือนแรกของปี 2559 เติบโต 4-5% อยู่ในระดับที่ดีมาก และดันให้ผลประกอบการของบริษัทสิ้นปี 2559 แตะ 17,325 ล้านบาท เติบโต 5% จากปี 2558 ที่ทำได้ 16,550 ล้านบาท เติบโต 3% ตามเป้าหมายแน่นอน”

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มควบคุมน้ำหนัก เชื่อว่าตลาดยังมีช่องว่างอีกมาก ตลาดมีขนาดใหญ่มาก เพราะผู้หญิง หรือกลุ่มคนที่รักสุขภาพ แม้ไม่มีเงินก็ยังยอมจ่าย ซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก ดูแลเรือนร่าง และดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับยังพบว่าปัจจุบันคนไทย 1 ใน 3 มีน้ำหนักตัวเกิน ขณะที่กลุ่มสินค้าสุขภาพอื่นๆ เช่น เครื่องกรองน้ำ “อีสปริง” และเครื่องกรองอากาศ “แอทโมสเฟียร์” ที่เคยเป็นเรือธงในการทำตลาดและยอดขายของ “แอมเวย์” ลูกค้าเริ่มชะลอการซื้อลง เพราะราคาต่อชิ้นสูงแม้ปี 2558 สินค้าดังกล่าวจะทำยอดขายได้ถึง 3,000 ล้านบาทก็ตาม

ดังนั้น บริษัทจึงต้องปรับตัว ปรับแผนการทำตลาดใหม่อยู่เรื่อยๆทุกปี ซึ่งทำมา 3-4 ปีแล้ว จากเดิมที่สามารถทำแผนการตลาดระยะยาว 3-5 ปีได้ เพราะ 1.ความไม่แน่นอนทางการเมือง และประเทศไทยยังไม่นิ่ง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน 2.ลูกค้ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนเร็วมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีความจงรักภักดีในแบรนด์สินค้าใดๆ และชอบลองของใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การทำธุรกิจของแอมเวย์ จากนี้ไปต้องโฟกัส “สินค้า” โฟกัส “การทำตลาด” ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อประคองโอกาส ยอดขาย ผลกำไร รวมถึงฐานลูกค้าของตัวเองไว้ ปัจจุบันแอมเวย์มีสมาชิกรวมกว่า 1 ล้านคน เป็นกลุ่มนักธุรกิจแอมเวย์ 330,000 คน กลุ่มที่สมัครเพื่อซื้อสินค้าใช้ 800,000 คน

นายกิจธวัชเล่าว่า “แอมเวย์” มีกลุ่มสินค้าที่ทำตลาดอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ รวมกว่า 500 รายการ คือ 1.กลุ่มเพื่อสุขภาพ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “นิวทริไลท์”, เครื่องกรองน้ำ “อีสปริง” และเครื่องกรองอากาศ “แอทโมสเฟียร์” 2.กลุ่มเพื่อความงาม ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรี, ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ 3. กลุ่มสินค้าของใช้ในบ้าน (โฮมแคร์) เช่น ผลิตภัณฑ์แอมเวย์โฮม L.O.C. ทำความสะอาดอเนกประสงค์, เอสเอ 8 ผลิตภัณฑ์ซักผ้า, ดิช ดรอปส์ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน เป็นต้น และ 4.เพอร์เซอนอลช็อปเปอร์ส แค็ตตาล็อก กลุ่มสินค้าฝากขายที่มีสินค้าหลากหลายรวมกว่า 150 รายการ ซึ่งสัดส่วนรายได้ประมาณ 74% มาจากสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพและความงาม ที่เหลือ 26% มาจากกลุ่มสินค้าอื่นๆ

ภาพรวมตลาดขายตรงครึ่งปีแรก ปัจจัยลบด้านต่างๆ ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตแบบทรงตัว และนอนนิ่งสนิทต่อเนื่องจากปี 2558 ขณะที่เมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดขายตรงเติบโตเป็น 2 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จึงเป็นเหตุให้เป้าหมายของบริษัท ในปี 2012 หรือ 2555 ที่จะเดินไปให้ถึงยอดขาย 20,000 ล้านบาท ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะยอดขายของแอมเวย์ไม่เติบโตมา 2 ปีแล้ว คือปี 2556-2557 ขณะที่ปี 2558 เติบโตแค่ 3% และปี 2559 นี้ตั้งเป้าเติบโต 5%

“หลายคนอาจมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจขายตรงน่าจะเติบโตดีแบบก้าวกระโดด เพราะผู้บริโภคต้องการหารายได้เสริมจากการทำธุรกิจขายตรงกันมากขึ้น แต่ ณ วันนี้ “ดัชนีขายตรง” ไม่ได้ชี้วัดแบบนั้นแล้ว วิกฤติครั้งนี้ ไม่เหมือนวิกฤติปี 2540 ยุคนั้นวิกฤติทำให้ธุรกิจขายตรงโตพรวดพราด เพราะคนกระโดดเข้าไปทำธุรกิจขายตรงเป็นอาชีพเสริมกันเยอะมาก แต่รอบนี้เศรษฐกิจซึมแบบทรงๆ ไม่ได้มีผลกระทบกับรายได้ของครอบครัวมากนัก”

“แอมเวย์” มีความโชคดี ที่ลูกค้ามีแบรนด์รอยัลตี้ หรือความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูงมาก เพราะฉะนั้นจะเกิดอะไร? ขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง ปัญหาภายนอกประเทศ อย่างวิกฤติสหรัฐอเมริกา และอื่นๆ กำลังซื้อของลูกค้า “แอมเวย์” ไม่ได้ตกลง ยังมีการซื้อซ้ำต่อเนื่อง.

 

Leave a comment