ลูกค้าชักดาบเบี้ยวจ่ายเงินพุ่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 10 ส.ค. 2559 06:45

อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/686288

 

ยอดขายสินค้าทิ้งดิ่งธุรกิจ “เอสเอ็มอี” โกลาหล

สภาองค์กรนายจ้างวิตกสถานการณ์เริ่มวิกฤติ ชี้ลูกค้าเริ่มชักดาบเบี้ยวหนี้ไม่จ่ายค่าสินค้าเพิ่มขึ้น จากยอดขายทั่วประเทศตกต่ำ ส่งผลเอสเอ็มอีกระอักขาดสภาพคล่อง ด้านทหารไทยชี้ดัชนีเชื่อมั่นธุรกิจเอสเอ็มอีทรุดต่อเนื่อง กังวลกำลังซื้อหดหาย กลาง–เหนือ– อีสานกระทบหนักจากพิษภัยแล้ง

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เริ่มมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าลูกค้าที่สั่งซื้อวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป เพื่อนำไปจำหน่ายต่อจากสมาชิกของสภาองค์กรนายจ้างฯ เริ่มไม่จ่ายเงินเมื่อครบกำหนดสัญญาที่ทำไว้ เพราะประสบภาวะขาดสภาพคล่อง จากยอดขายที่ลดต่ำลงทั้งยอดขายในประเทศและยอดขายไปต่างประเทศ โดยบางรายขอเลื่อนรับวัตถุดิบหรือสินค้าออกไป บางรายรับสินค้าไปแล้ว แต่ขอค้างชำระค่าวัตถุดิบหรือสินค้า

“ก่อนหน้านี้ ระบบเศรษฐกิจมักจะพูดถึงแต่เอ็นพีแอลในภาคธนาคาร แต่ในปัจจุบันปัญหาเอ็นพีแอลในภาคธุรกิจก็เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น เพราะลูกค้าเริ่มชักดาบ หรือขอยืดชำระหนี้ออกไปเพราะเริ่มขาดสภาพคล่อง หลังสถาบันการเงินมี ความเข้มงวดอย่างมาก บางบริษัทถึงต้องตั้งแผนกฟ้องหนี้ ติดตามลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว”

นายธนิตกล่าวว่า ปัจจุบันอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 65% เท่านั้น เนื่องจากหลายๆธุรกิจได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่คาดว่าปีนี้จะยังคงติดลบ 1-2% ถือเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศยังได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศที่ทรุดตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเกิดจากภาวะภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตรส่งออกตกต่ำทำให้รายได้เกษตรกรลดลงในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ทำให้ภาพรวมกำลังซื้อของคนไทยยังคงไม่ขยับสูงขึ้น ประกอบกับชาวบ้านส่วนหนึ่งพึ่งพิงเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูง 20-30% แม้รัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นแรงซื้อและช่วยเหลือ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเมื่อได้ไปก็นำไปใช้หนี้ เงินเหล่านี้ ก็ยังคงหมุนเวียนในระบบหนี้อยู่ ยังไม่สามารถเข้ามาเพิ่มการบริโภคได้ ดังนั้น การที่รัฐบาลจะมีมาตรการคุมเข้มเงินนอกระบบก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

วันเดียวกัน นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้านักวิเคราะห์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็มบีแบงก์ ได้เปิดเผยทิศทางความเชื่อมั่นธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยว่า ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง โดยผลสำรวจความเห็นไตรมาส 2 จาก 1,262 กิจการทั่วประเทศพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการได้ลดจากไตรมาสแรก จาก 42.1 เหลือ 39.4 หลังจากผู้ประกอบการทั่วประเทศกังวลภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่ยังคงชะลอตัว และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทำให้รายได้เกษตรกรซึ่งเป็นกำลังซื้อที่สำคัญของ เอสเอ็มอีในส่วนภูมิภาคแย่ลง

“นอกจากเรื่องเศรษฐกิจในประเทศแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เอสเอ็มอีทุกภูมิภาคกังวลมากสุด คือ ปัญหาสภาพคล่องก็เป็นอีกเรื่องใหญ่ที่เอสเอ็มอีเผชิญ ซึ่งมีสาเหตุจากการค้าขายที่ไม่ดีหลัง สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้กำลังซื้อลด ประกอบกับตัวเอสเอ็มอีเองยังมีข้อจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อผ่านระบบสถาบันการเงิน เนื่องจากไม่มีความพร้อม ด้านหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่มีการทำบัญชีที่ได้มาตรฐานทำให้ตรวจสอบตัวเลขได้ยาก รวมถึงสถาบันการเงินเองก็เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยกู้ ทำให้เอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน แต่หลังจากนี้ต้องติดตามดูว่า เมื่อรัฐอัดฉีดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอี และการออก พ.ร.บ.หลักทรัพย์ค้ำประกัน จะช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่”

ทั้งนี้ หากพิจารณาความเชื่อมั่นเอสเอ็มอีเป็นรายภูมิภาค พบว่าภาคเหนือ อีสาน และภาค กลางอ่อนแอที่สุด เพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ลดลง ขณะที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคตะวันออก ลดลงเล็กน้อยจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ยกเว้นภาคใต้ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน หลังราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวดีขึ้น โดยเฉพาะยางที่เป็นรายได้หลักของพื้นที่เพิ่มจาก กก.ละ 30 บาท เป็น 50 บาท ตลอดจนการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้

นายเบญจรงค์กล่าวอีกว่า ด้านดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้ายังมีโอกาสลดลงต่อ โดยผลสำรวจดัชนีมีการปรับตัวลดลงจาก 54.7 เหลือ 53.5 โดยเอสเอ็มอียังคงกังวลเรื่องรายได้และการควบคุมต้นทุนของธุรกิจ ตลอดจนยังขาดปัจจัยบวกที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัว แต่ข้อดี คือเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทำให้ปัญหาภัยแล้งในภาคเหนือ อีสาน และกลางคลี่คลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น.

 

Leave a comment