ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/230385
วันจันทร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในการดำเนินโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า “อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา” โดยจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนติดตามตรวจสอบ 47 แผน มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2555-2569 ใช้งบประมาณกว่า 516 ล้านบาท มีหน่วยงานที่รับผิดชอบถึง 15 หน่วยงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินงานตามแผนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับมรดกโลก เพื่อไม่ให้กระทบต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของมรดกโลก
สำหรับแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีทั้งสิ้น 27 แผน อาทิ แผนการป้องกันและลดผลกระทบด้านนิเวศวิทยาทางน้ำและการประมง แผนการป้องกันและปลูกป่าเสริมในพื้นที่โดยรอบอ่างเก็บน้ำ 11,000 ไร่ แผนอพยพและอนุรักษ์สัตว์ป่า แผนการป้องกันการบุกรุกพื้นที่อ่างเก็บน้ำและฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่มรดกโลก โดยตั้งที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ 3 แห่งพร้อมตั้งด่านจุดสกัดป่าไม้ แผนการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์ เป็นต้น
ส่วนแผนติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม มี 20 แผน อาทิ แผนติดตามตรวจสอบสภาพธรณีวิทยาและความมั่นคงปลอดภัยของตัวเขื่อน แผนติดตามตรวจสอบการป้องกันการบุกรุกพื้นที่อ่างเก็บน้ำ การบุกรุกป่าและการปลูกป่าเสริม แผนติดตามตรวจสอบผลกระทบด้านสัตว์ป่า แผนการติดตามและประเมินผลกระทบที่มีต่อพื้นที่มรดกโลก แผนติดตามการปฏิบัติตามการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
“ที่ผ่านมา กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการมรดกโลกมาโดยตลอด ซึ่งการประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ คณะกรรมการมรดกโลกชื่นชมการดำเนินการแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และล่าสุดประชุมเมื่อเดือนมิถุนายน ณ กรุงอิสตันบลู ประเทศตุรกี ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการห้วยโสมงเลย”
ดร.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างนั้นในส่วนของอ่างเก็บน้ำแล้วเสร็จไปมากกว่าร้อยละ 90 คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ช่วงปลายปี 2559 ส่วนระบบส่งน้ำทั้ง
ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาจะแล้วเสร็จในปี 2562
นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผักตบชวาอยู่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา ที่รัฐบาลได้สั่งกำจัดอย่างเร่งด่วนจนลุล่วงไปแล้ว แต่เนื่องจากปริมาณที่มีมากถึง 55,000 ตัน กรมพัฒนาที่ดินจึงได้เข้าแก้ไขปัญหาผักตบชวาที่นำขึ้นมาว่าจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านใดได้บ้างโดยได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเร่งแก้ปัญหาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ และเร่งให้สถานีพัฒนาที่ดินชัยนาท ลงพื้นที่เร่งดำเนินการ นำผักตบชวาทั้งหมดมาทำเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพโดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 ซึ่งเป็นนวัตกรรมของกรมพัฒนาที่ดิน มาใช้ผสมน้ำตามอัตราส่วน เพื่อย่อยสลายผักตบชวาทั้งหมด ให้กลายเป็นปุ๋ยหมักได้ในระยะเวลาประมาณ 60 วัน ปุ๋ยหมักที่ได้สามารถนำไปปรับปรุงบำรุงดินในภาคการเกษตรได้และปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่ที่มีดินที่ไม่เหมาะสม ให้สามารถเป็นดินที่ปลูกพืชได้ เพราะผักตบชวาถือเป็นพืชที่มีธาตุอาหารพื้นฐานที่พืชต้องการ
นายวิชิต ขันธ์แก้ว ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินชัยนาท กล่าวเพิ่มเติมว่า ในตอนนี้เครื่องจักรได้นำผักตบชวาขึ้นมาแล้วกว่า 40,000 ตัน ระหว่างรอการทำปุ๋ยหมักทางสถานีพัฒนาที่ดินชัยนาทจึงใช้น้ำหมักจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.6 ซึ่งสามารถลดปัญหาของน้ำเน่าเสียของกองผักตบชวาได้เบื้องต้น