ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05049010459&srcday=2016-04-01&search=no
| วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 620 |
พืชพื้นบ้าน เป็นทั้งอาหารและยา
สมิทธิชัย สุกปลั่ง
ทำมัง ต้นไม้กลิ่นแมงดา
ชื่อสามัญ : ทำมัง, ชะนัง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Litsea petiolata
วงศ์ : LAURACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ทำมัง เป็นไม้พุ่ม ยืนต้น ขนาดเล็กถึงกลาง ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มโปร่ง เปลือกต้นสีเทา บางทีก็สีน้ำตาลอมเขียว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตัวแบบสลับเวียนไปรอบๆ กิ่ง ผลรูปไข่เล็กๆ ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลแดง ภายในมีเมล็ด เพียง 1 เมล็ด ใบสีเขียวเข้ม หนา เส้นใบชัดเจนเหมือนใบขนุน
ในไทยเราพบว่า มี 4 ชนิด ต่างกันเล็กน้อยตามท้องถิ่น กระจายแพร่พันธุ์กันตั้งแต่ชุมพรลงไปจนถึงนราธิวาส ปัจจุบัน ทำมัง ในธรรมชาติแทบจะสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกถาง เผา ไล่ที่ปลูกยาง ปาล์มน้ำมัน แทน เป็นที่น่าน้อยอก น้อยใจแทน ต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่งเหมือนกันนะ อยู่มาตั้งนานนม พอเห็นว่าของใหม่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ก็ขับไสไล่ส่งกันดื้อๆ แบบนี้ พี่ไทยเราก็ชอบและฉลาดเรื่องแบบนี้ซะด้วย ของปู่ ย่า ตา ยาย ดีๆ ไม่สนใจ หลงลืมกันไปหมด ไปเห่อแต่ของนอกแพงๆ ไร้สาระกันเสียหมด
ดูจากชื่อแล้ว บางท่านอาจงง สงสัยว่า มีด้วยหรือ ต้นไม้แปลกประหลาด พิสดาร แบบธรรมชาติให้มาแบบนี้ แรกเริ่มเดิมที ทำมัง เป็นไม้ท้องถิ่นหนังลุง โนรา ที่ปัจจุบันหายาก แทบจะหายสาบสูญไปจากป่าแล้ว เหลือปลูกกันบ้าง ก็เล็กน้อยน่าใจหายเสียดายแทนคนใต้ เพื่อนผู้เขียน บางคนเป็นคนใต้แท้ๆ ยังไม่รู้จักก็มี เมื่อไม่นานมานี้ก็ส่งไปให้พรรคพวกที่สงขลาต้นหนึ่ง
เอ้า! ใครชอบกินน้ำพริกแมงดา ล้อมวงเข้ามาใกล้ๆ เลยครับ
ในเปลือก ลำต้น และใบทำมัง จะมีต่อมน้ำมันพิเศษชนิดหนึ่ง เมื่อฉีกออกมาปุ๊บ จะได้กลิ่นฉุนกึ๊กเหมือนกลิ่นประจำกายของแมงดาตัวผู้เป๊ะเลย สามารถใช้ทดแทนกันได้ในฤดูที่แมงดาหายากหรือขาดแคลน หรือเป็น มังสวิรัติ แต่ดันอยากเปิบ น้ำพริกแมงดา หรือในกรณีที่ไม่อยากบาปกรรม โขลกกะโหลกแมงดาตัวผู้จริงๆ (ทีอย่างงี้ละก็ ทำไมตัวเมียไม่หอม เหมือนคนสาวๆ ก็ไม่รู้เนอะ) ถ้าจะให้ดี หรือกลัวจะหอมไม่พอ ก็ให้เอาใบแก่ๆ ไปอังไฟ รุมๆ พอให้ต่อมน้ำมันที่ว่าแตกตัว คราวนี้ละก็หอมฟุ้งไปสามบ้านแปดบ้านทีเดียวเจียว บางบ้านเขาก็เอาไม้ทำมังแก่ๆ มาแกะเป็นสากไว้ใช้ตำน้ำพริกซะเลยก็มี จะได้กลิ่นแมงดาอ่อนๆ โชยขึ้นมาเอง สมัยก่อนทางใต้ถือว่าเป็นไม้มงคล เนื่องจากชื่อไปพ้องกับ คำว่า ธรรมมัง การปลูก ก็เล่นไม่ยากเหมือนเคย ใช้เพาะเมล็ด หรือกิ่งตอน ปลูกในกระถางหรือลงดินก็ได้ พยายามปลูกในที่ร่มรำไรๆ หาที่เหมาะๆ ขุดหลุม 30×30 เซนติเมตร ลึกเท่ากัน โรยปุ๋ยคอกรองก้นหลุมสักนิด ผสมใบไม้ผุ แกลบ ขุยมะพร้าว ให้เข้ากัน วางต้นลงไปแล้วกลบดินพอแน่น หาหลักไม้ไผ่มาผูกเชือกปักประคองไว้ กันต้นเอน หรือกันลมโยกเผื่อไว้สักหน่อย โรคแมลงก็ไม่ค่อยมีมากวนใจ เพราะความฉุนในตัวเอง
ทำมัง ชอบที่ชุ่มชื้น ไม่ชอบแดดจัด ปลูกไว้ตามโคนต้นไม้ใหญ่ยิ่งดี คอยใส่ปุ๋ยคอกไว้เรื่อยๆ ไม่นานก็ได้กิน
ป.ล. ต้นทำมัง น่ะพยายามหามาปลูกกันเยอะๆ เหอะ แต่อย่าไปเอา ต้นสังคัง มาปลูกก็แล้วกัน เอ่อ?มัน คัน ครับ 555