พัดลมไอน้ำ และพัดลมไอเย็น นวัตกรรมที่ควรมีไว้ภายในบ้าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05082010459&srcday=2016-04-01&search=no

วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 620

ภูมิปัญญาไทย

ลูกสิบล้อ suradej_agr@hotmail.com

พัดลมไอน้ำ และพัดลมไอเย็น นวัตกรรมที่ควรมีไว้ภายในบ้าน

ปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า อุณหภูมิบ้านเราสูงขึ้นทุกวัน ใน 1 วัน บางครั้งมี 3 ฤดูกาล ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน จึงเกิดอาการป่วยไข้

จากสภาพอากาศที่ปรากฏมีแนวโน้มว่า ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นทุกปี การหาอุปกรณ์เพื่อคลายร้อนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งการจะซื้อแอร์สัก 1 เครื่อง เกิดปัญหามากมายในเรื่องรายจ่าย คือ ค่าไฟฟ้า จึงทำให้การมีเครื่องคลายความร้อนเพื่อความเย็นกาย แต่กลับเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ตามมาแบบไม่สบายใจ จึงมีภาระมากขึ้น ทำให้รายจ่ายมีมากเกินความจำเป็น

แต่ ณ เวลานี้ มีเครื่องทำความเย็นที่ตอบโจทย์ สำหรับผู้ที่มองหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้เย็นสดชื่น โดย บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) มี คุณนพชัย วีระมาน เป็นกรรมการผู้จัดการ

จุดเริ่มต้น และแรงบันดาลใจ

คุณนพชัย เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการทำพัดลมไอน้ำ และพัดลมไอเย็นให้ฟังว่า ได้เข้าศึกษาดูงานต่างประเทศและผ่านเครื่องสร้างบรรยากาศแบบพ่นไอน้ำในบู๊ธแสดงสินค้า สนใจในนวัตกรรมและมองว่าน่าจะเหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย จึงเริ่มคิดค้นนวัตกรรมพัดลมไอน้ำ โดยในเบื้องต้นคือ การลองผิดลองถูกจนได้เครื่องพ่นหมอก แต่ในขณะนั้นมีต้นทุนที่สูง

จากนั้นมีออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าร้านอาหาร และบริษัทจัดออแกไนซ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล โดยเริ่มทำธุรกิจในปี 2545 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มียอดขาย 7 ล้านบาท ยอดขายเติบโตก้าวกระโดดทุกปี เป็นการสร้างทางเลือกให้กับลูกค้าในการแก้ปัญหาอากาศร้อนด้วยราคาประหยัด และดำเนินธุรกิจมามากกว่า 10 ปี จนปัจจุบันมียอดจำหน่าย 300 ล้านบาท

“ปกติโดยทั่วไป เรารู้ๆ กัน อย่างในเมืองไทยที่คนใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพัดลม ถ้ายิ่งอากาศร้อน พัดลมจะเป่าลมร้อนมาโดนตัวเรา ส่วนแอร์ทำความเย็นได้ดี แต่มันกินไฟ มันเลยดูเหมือน 2 ทางเลือกนี้เป็นข้อจำกัดมากเกินไปในการใช้ชีวิตของเรา ด้วยพื้นเดิมผมจบด้านวิศวะมา ก็เลยคิดต่อยอดว่า น้ำสามารถช่วยลดอุณหภูมิได้ จึงมาพัฒนาเทคโนโลยีชนิดนี้ให้เป็นพัดลมไอน้ำ แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยของลูกค้าว่า ไอน้ำที่พ่นออกมามันจะเปียกไหม เวลาที่โดนจะเกิดอาการเจ็บป่วยไหม จึงนำมาพัฒนาต่อให้เป็นพัดลมไอเย็น” คุณนพชัย กล่าว

จุดแข็งของธุรกิจ

คุณนพชัย บอกว่า บริษัทเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านการทำความเย็น แก้ปัญหาความร้อนได้จริง ภายใต้สโลแกน “มาสเตอร์คูล เย็นได้ใจ ประหยัดได้จริง” โดยมุ่งปรับเปลี่ยนพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้ไอน้ำระเหยตัวเกิดเป็นลมเย็น ซึ่งมีการพัฒนาระบบ ลดต้นทุน ราคาสินค้าถูกลงอย่างต่อเนื่อง จากเครื่องละ 12,000 บาท เป็น 9,000 บาท 6,500 บาท จนปัจจุบันราคาสูงสุดอยู่ที่ 2,900 บาท เพื่อให้เกิดประโยชน์ และตรงเป้าหมายของผู้บริโภคที่สามารถจับต้องผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้

ปัญหาและอุปสรรค

การทำธุรกิจปัญหาเกิดขึ้นค่อนข้างมากสำหรับคุณนพชัย ซึ่งในช่วงแรกยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการทำแบรนด์ ในช่วงที่ทำตลาด สินค้ามีคนสนใจมาก จึงไปดำเนินการจดสิทธิบัตร แต่เนื่องจากสินค้ามีการเผยแพร่และทำตลาดไปแล้ว จึงไม่สามารถจดสิทธิบัตรหรือคุ้มครองให้ได้ จึงได้มีการเปลี่ยนกลยุทธ์มาทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้บริโภครู้จักสินค้ามากขึ้น

พัฒนาให้น้ำระเหยตัวภายในเครื่อง

ลมที่พัดออกมาก็เย็นจับใจ

คุณนพชัย บอกว่า เมื่อนำมาต่อยอดทางความคิด โดยนำแผนทำความเย็นมาไว้ภายในตัวเครื่องแทน เพื่อให้ดูดความร้อนอยู่ภายในและเป่าความเย็นออกมา จึงเกิดเป็นนวัตกรรมพัดลมไอเย็น

“ทฤษฎีง่ายๆ คือ น้ำ เมื่อระเหยตัวมันจะดูดความร้อน เรานึกถึงเราเอามือจุ่มน้ำอุ่น มือเราก็จะรู้สึกร้อน แต่ถ้าเอามือขึ้นมาแล้วโบกไปมาจะรู้สึกได้ว่ามือเราเย็นๆ มันก็เหมือนกับเครื่องทำไอเย็นของเรา คือน้ำพอระเหยตัวมันจะดูดความร้อน พอลมมาโดนตัวเราก็จะรู้สึกเย็น เหมือนเราไปยืนบนน้ำตก เราก็รู้สึกเย็น อันนี้คือการสังเกตธรรมชาติง่ายๆ เครื่องมาสเตอร์คูล เราก็ใช้หลักการเดียวกัน” คุณนพชัย อธิบาย

ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี

“ธุรกิจมาสเตอร์คูล เราทำมามากกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเราก็เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือว่ามีความประสบผลสำเร็จเป็นที่พอใจ เพราะเติบโตมาเรื่อยๆ พอเรามาทำเป็นพัดลมไอเย็นที่ไม่มีละอองน้ำ ทำให้สามารถจับตลาดล่างได้มากขึ้น เพราะสามารถซื้อใช้ภายในบ้านได้ เมื่อเทียบกับพัดลมที่พ่นไอน้ำแบบเมื่อก่อน จะจับได้แต่ตลาดที่เป็นธุรกิจใหญ่ๆ ที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม สถานที่ท่องเที่ยว แต่เมื่อนำมาพัฒนาสามารถใช้ภายในบ้านได้ เราจึงตอบโจทย์มากขึ้น ราคาก็ถูกลงด้วย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น” คุณนพชัย กล่าว

จากประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล ตอบโจทย์ในการสร้างนวัตกรรมพัดลมไอเย็นที่ประหยัดไฟมากกว่าแอร์ถึง 10 เท่า

ทิศทางการทำตลาด

คุณนพชัย บอกว่า แม้เศรษฐกิจของไทยที่ผ่านมาไม่ค่อยดีมาก แต่ดูจากยอดจำหน่าย 4-5 ปี ที่ผ่านมา ยังถือว่าผลกำไรของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ในปีนี้ เราตั้งเป้าว่าเราจะโตขึ้นสัก 40 เปอร์เซ็นต์ขึ้น เพราะอาจจะด้วยบางทีคนยังไม่รู้จักมากนักในนวัตกรรมตัวนี้ เราจึงประเมินว่า พัดลมไอเย็นเราน่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเรามีทั้งจำหน่ายทางออนไลน์ ยอดที่ได้ถือว่าน่าพอใจ เพราะสินค้าทางออนไลน์คนที่ซื้อเขาไม่ได้ทดลองแค่ดูสินค้าที่เป็นรูป แต่เขายังตัดสินใจซื้อ เลยทำให้เรารู้ตัวชี้วัดว่า สินค้าเรากำลังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น” คุณนพชัย กล่าว

การตลาดภายในประเทศจะเน้นการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าให้ครอบคลุมทุกจุด เพื่อกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคซึ่งเป็นลูกค้ารายย่อย สามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายที่สุด รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับการวางแผนในเรื่องของการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนด้านการตลาดต่างประเทศ ทำการบุกตลาดในช่วงปี 2558 โดยมุ่งเน้นแถบอาเซียนเพื่อสร้างยอดขายและให้สอดรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งทางบริษัทเองได้เข้าไปทำการตลาดแล้ว ผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นพม่า กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ซึ่งตลาดที่เติบโตอย่างมาก ได้แก่ พม่า และกัมพูชา สาเหตุมาจากค่อนข้างที่มีกำลังซื้อสูง ตัวแทนจำหน่ายมีศักยภาพ สินค้าพัดลมไอเย็นสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งในด้านของคุณภาพและราคาที่เหมาะสม

สนใจ ติดต่อสอบถามที่ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เลขที่ 12/16-17 ถนนเทศบาลสงเคราะห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 หมายเลขโทรศัพท์ (02) 953-8800

Leave a comment