สวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชเพื่อประชาชน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05037010459&srcday=2016-04-01&search=no

วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 620

สารคดีพิเศษ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชเพื่อประชาชน

เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 61 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2559 ผู้เขียนได้เข้าชมกิจกรรมการเกษตรในสวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา บริเวณเกษตรกลางบางเขน

เป็นสวนที่กรมวิชาการเกษตร ได้จัดสร้างถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 55 พรรษา ปี 2553 สวนแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ ศูนย์รวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมพืชพรรณไทย และศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ เป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตรที่ให้ประชาชนได้เรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในวิถีการดำรงชีวิตที่พอเพียงมั่นคง วันนี้จึงได้นำเรื่อง สวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชเพื่อประชาชน มาบอกเล่าสู่กัน

คุณสมเพชร พรมเมืองดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 2 พิษณุโลก กรมวิชาการเกษตร เล่าให้ฟังว่า ได้รับมอบหมายจากกรมวิชาการเกษตรให้เป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารสวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา เป็นสวนที่กรมวิชาการเกษตร ได้จัดสร้างถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 55 พรรษา ปี 2553

สวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา แบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ศูนย์รวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมพืชพรรณไทย พื้นที่ 7 ไร่ และ ส่วนที่ 2 ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ พื้นที่ 10 ไร่ ทั้ง 2 แห่ง ได้จัดเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรสำหรับทุกคน ทั้งนักเรียน นักศึกษา เกษตรกร หรือประชาชน ได้เข้าเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และได้เกิดแนวคิดเพื่อนำไปประกอบอาชีพการเกษตรให้ดำรงชีพได้ในวิถีพอเพียงมั่นคงยั่งยืน

ศูนย์รวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมพืชพรรณไทย เป็นการเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืชที่นำมาปลูกรักษาไว้ในสภาพธรรมชาติ เพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์และรวบรวมพันธุ์พืชหายากหรือใกล้สูญพันธุ์ เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพฯ และช่วยปกป้องการฉกฉวยการใช้ประโยชน์พันธุ์พืชของไทยโดยชาวต่างชาติ จัดรูปแบบสวนสวยงาม แยกพันธุ์ไม้ออกเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ กลุ่มผักพื้นบ้าน กลุ่มปาล์มไทย กลุ่มไม้พื้นเมือง กลุ่มไม้เศรษฐกิจ กลุ่มไผ่ กลุ่มพืชสมุนไพร และกลุ่มไม้หอม ที่น่าสนใจมี ดังนี้

โสกเหลือง เรียกชื่อต่างกัน เช่น โสกป่า โสกน้ำ หรือโสกใหญ่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Saraca thaipingensis Cantley ex Prain ชื่อวงศ์ LEGUMINOSAE – CAESALPINIOIDEAE ชื่อสามัญ Yellow Saraca เป็นต้นไม้ขนาดเล็กถึงกลาง สูง 10-15 เมตร เป็นพืชโตช้า ใบเป็นใบประกอบ เรียงสลับ ใบย่อย 2-7 คู่ ใบกว้าง 3-9 เซนติเมตร ยาว 7-32 เซนติเมตร โคนใบเป็นรูปลิ่ม ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่งและลำต้น ดอกสีเหลืองอมน้ำตาล มีกลิ่นหอม ผลเป็นฝักแบน ยาว 15-40 เซนติเมตร เมล็ดผิวเรียบสีแดงคล้ำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปลูกเป็นไม้ประดับ เริ่มออกดอกตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นสมุนไพรแก้ไอ ขับเสมหะ

ชำมะนาด เรียกชื่อต่างกัน เช่น ชมนาด หรือดอกข้าวใหม่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Vallaris solanacea Kize ชื่อวงศ์APOCYNACEAE ชื่อสามัญ Bread Flower. เป็นพรรณไม้พุ่มกิ่งเลื้อย สูงประมาณ 7 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตัวเป็นคู่ออกตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปรี กว้างและยาวประมาณ 4 และ 8 เซนติเมตร เนื้อใบบาง ออกดอกที่ปลายกิ่งหรือตามง่าม ออกดอกเป็นช่อ มี 10-15 ดอก ดอกสีขาว มี 5 กลีบ กลิ่นหอมอ่อนๆ คนสมัยก่อนนิยมนำไปทำน้ำหอม ภายในดอกจะมีเกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย ออกดอกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี

กระดังงาจีน เรียกชื่อต่างกัน เช่น สะบันงาจีน การเวก สะบันงาเครือ ชื่อวิทยาศาสตร์ Artabotrys hexapetalus (L.F.) Bhandari ชื่อวงศ์ ANNONACEAE เป็นไม้เถาเลื้อย ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบแสงแดด ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ด้านบนใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ช่อดอกออกตรงข้ามกับใบ ดอกใหญ่ มี 6 กลีบ เนื้อกลีบหนา ดอกอ่อนสีเขียวเมื่อแก่เป็นสีเหลืองมีกลิ่นหอมชื่นใจ ออกดอกตลอดปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ

ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ เป็นพื้นที่ส่วนที่ 2 พื้นที่ 10 ไร่ แบ่งพื้นที่ศูนย์เป็น 4 สัดส่วนตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการดินและน้ำอย่างเหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด พื้นที่ภายในศูนย์มี 4 สัดส่วน ดังนี้

สัดส่วนแรก 30% เป็นพื้นที่แหล่งน้ำเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในการเกษตร สามารถเลี้ยงสัตว์น้ำขนาดเล็ก เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนในครัวเรือน

สัดส่วนที่สอง 30% เป็นแปลงนาข้าว สำหรับปลูกข้าวเพื่อการบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายในกรณีที่เหลือจากการบริโภค หลังการเก็บเกี่ยวข้าวควรปลูกพืชบำรุงดิน เช่น พืชตระกูลถั่ว

สัดส่วนที่สาม 30% เป็นพื้นที่สำหรับปลูกพืชไร่ เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืชสวน เช่น ไม้ผล พืชผัก พืชอายุสั้น สำหรับการบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายในกรณีที่เหลือจากการบริโภค และ

สัดส่วนสุดท้าย 10% เป็นที่อยู่อาศัยของเกษตรกร จัดเป็นโรงเรือนเพื่อเก็บเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร และใช้เป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก เช่น เป็ด ไก่

คุณสมเพชร เล่าให้ฟังในท้ายนี้ว่า ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ เป็นการจัดการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ใช้งานแรงงานเหมาะสม จัดการใช้ปัจจัยการผลิตที่เกื้อกูลกันเพื่อให้ต้นทุนการผลิตลดลง หรือมีการบันทึกกิจกรรมเพื่อให้ได้รับรู้ข้อดี ข้อด้อย แล้วนำไปปรับปรุงหรือพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพ

ประชาชน เกษตรกร หรือผู้สนใจ สามารถนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ก็จะดำรงชีวิตได้ในแนวทางแห่งความพอเพียง แม้ปัจจัยภายนอกหรือภาวะเศรษฐกิจจะผันผวนก็ไม่มีผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีพ

สวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษา ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชเพื่อประชาชน เป็น ศูนย์รวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมพืชพรรณไทย และ ศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปเรียนรู้ แล้วนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อการดำรงชีพที่พอเพียงและมั่นคง

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร โทร. (02) 579-0583 หรือ (02) 940-5484-5 หรือที่ คุณสมเพชร พรมเมืองดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 2 พิษณุโลก กรมวิชาการเกษตร โทร. (081) 888-3236 ก็ได้ครับ

Leave a comment