ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05077010459&srcday=2016-04-01&search=no
| วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 620 |
คนรักผัก
สุมิตรา จันทร์เงา
ไปกิน “กระดุม” เมืองแกลง
ถึงฤดูกินทุเรียนกันอีกแล้ว…ดังนั้น จะรอช้าอยู่ไย รีบไปกินทุเรียนต้นฤดูกัน
เป็นธรรมเนียมของอิฉันกับเหล่าผองเพื่อน ทุกปีเราจะมีนัดกันไปกินทุเรียนที่สวนผลไม้ ของ พี่พัชร พุ่มพวง บ้านคลองปูน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
สวนของพี่พัชรเรียกว่า สวน “พพพ.” แต่ไม่มีการปักป้ายชื่อสวนให้ใครรู้กันหรอกนะ เพราะเจ้าของขี้เกียจรับแขกและไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย ดังนั้น จึงเป็นสวนปิด มีแต่สหายมิตรรักนักกินผลไม้ที่เป็นเพื่อนฝูงกันเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าไปเยี่ยมสวน
พี่พัชรเอาชื่อและนามสกุลของเธอมาทำเป็นตัวย่อ พพพ. เมื่อออกเสียงตั้งใจให้ฟังดูมีความหมายไปในทางปรัชญาความพอใจ พอดี พอเพียง ซึ่งเจ้าตัวยึดเป็นหลักปฏิบัติประจำตัวเรื่อยมา
ทุเรียนเป็นราชาแห่งผลไม้ตลอดกาลของไทยคู่กับราชินีมังคุด ดังนั้น ฤดูผลไม้ของเรามักจะยึดเอาเวลาที่ทุเรียนแก่พร้อมเสิร์ฟเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลไว้ก่อน ซึ่งสวนผลไม้ทางฝั่งทะเลตะวันออกนั้นจะเริ่มให้ผลผลิตกันประมาณกลางเดือนมีนาคมเป็นต้นไป
อันว่าทุเรียนนั้นมีทั้งพันธุ์พื้นเมืองและพันธุ์ผสมที่พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาปลูกเพื่อการค้าให้ได้รสชาติและคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดโลก และคนไทยก็ทำได้สำเร็จน่าชื่นชมยกย่อง ว่ากันว่าทุเรียนคุณภาพดีๆ ของไทยนั้นคนไทยไม่มีโอกาสได้กินแล้ว เพราะถูกส่งออกไปเป็นผลไม้หรูหราอยู่บนโต๊ะอาหารของเศรษฐีเมืองจีนกันหมด
สวนทุเรียนดีๆ จะมีพ่อค้ามาจองต้นกันไว้แบบผูกปิ่นโตเลยทีเดียว พอผลไม้แก่ใกล้สุก พ่อค้าคนกลางก็จะเข้ามาจัดการเก็บเกี่ยวกันเองเสร็จสรรพตามราคาที่เหมาสวนไว้ โดยที่ชาวสวนแทบไม่ต้องเหนื่อยเพิ่มเลยหลังจากที่ใส่ใจประคบประหงมดูแลให้ทุเรียนติดลูกได้ผลสมบูรณ์แข็งแรงมาทั้งปี…ช่วงนี้แหละที่หน้าตาชาวสวนจะสดชื่นเบิกบานกันทุกคน
เพราะการค้าขายผลไม้โดยทั่วไปขายกันแบบเงินสด ทุเรียนไป…เงินมา เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
สำหรับสวน พพพ. มีจุดเด่นพิเศษตรงที่เป็นสวนทุเรียนอินทรีย์ที่บำรุงดินและดูแลต้นโดยไม่ใช้สารเคมีเลยนับตั้งแต่พี่พัชรไปซื้อสวนต่อจากเจ้าของเดิมมาเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นราคาผลไม้ตกต่ำ เจ้าของสวนคนเดิมเห็นว่าอาชีพเลี้ยงกุ้งมีอนาคตมากกว่าจึงยกสวนทั้งขนัด 26 ไร่ ขายทิ้งหอบเงินหนีไปทำนากุ้ง
พี่พัชรเป็นเกษตรกรสมัยใหม่ที่มีทุน มีความรู้ และให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมาก จึงตั้งใจที่จะให้ผลิตผลของสวนแห่งนี้เป็นอาหาร clean 100% ที่มั่นใจได้ว่าสะอาดหมดจดจริงๆ เพราะตั้งใจทำเพื่อกินเองและแบ่งปันเพื่อนฝูง เธอจึงเข้ามาฟื้นฟูบูรณะสวนผลไม้เก่าโทรมด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์อย่างที่ตั้งใจไว้ ใช้เวลาบำรุงตามหลักวิชาการที่ศึกษาเพิ่มเติมตลอดเวลาภายในเวลา 2 ปี จึงเริ่มเห็นความสดชื่นคืนชีวิตของต้นไม้ โดยมีครอบครัวชาวสวนถิ่นเดิมแถวนั้นมาช่วยเป็นลูกมือคอยทำนุบำรุงต้นไม้ด้วยใจรัก
ขณะฟื้นฟูสวนอยู่นั้นก็โชคดีที่ได้แหล่งน้ำจากที่ดินแปลงข้างๆ มาเพิ่มเติม เป็นแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่จากการขุดดินทำเหมืองแร่เดิมทิ้งร้างไว้ เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มีระดับความลึกของน้ำถึง 20 เมตร เลยทีเดียว เจ้าของเดิมไม่รู้จะเก็บไว้ทำประโยชน์ใดจึงมาบอกขายต่อ
ตั้งแต่ได้แหล่งน้ำมา สวน พพพ. จึงเหมือนมีโชคสองชั้น ไม่เดือดร้อนเรื่องการหาน้ำมาบำรุงสวนอีกต่อไป งานสวนผลไม้เกษตรอินทรีย์ของพี่พัชรจึงเดินเครื่องต่อได้อย่างสมบูรณ์และเห็นผลดีตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นมา จนบัดนี้เวลาผ่านไป 10 ปี สามารถขายผลไม้จนคืนทุนที่ลงไปหมดแล้ว ที่เหลือต่อจากนี้ถือเป็นกำไรชีวิตและกำไรทางความรู้สึกที่ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นด้วยผลิตผลที่มีค่าสมราคา
ผลไม้ส่วนใหญ่ในสวน พพพ. เป็นทุเรียน ทั้งต้นเก่าที่ติดมากับสวนดั้งเดิมและที่ปลูกเพิ่มใหม่ โดยโค่นต้นมังคุดเก่าที่รกเรื้อออกไปเป็นการเปิดดินให้ทุเรียนได้รับแดดเต็มที่และถือโอกาสลงทุเรียนใหม่ที่คัดพันธุ์มาแล้วอย่างดี
ปัจจุบันทุเรียนในสวนที่ให้ผลผลิตแล้วมีอยู่ราว 200 ต้น อีก 400 ต้น ที่ปลูกใหม่กำลังจะให้ผลในอีก 3 ปีข้างหน้า มังคุดมี 140 ต้น และลองกองอีก 104 ต้น ที่เหลือเป็นไม้ผลและพืชผักสวนครัวสารพัดชนิดที่ปลูกไว้กินในครัวเรือน เช่น ขนุน ลำไย มะละกอ มะม่วง ชมพู่ แก้วมังกร หม่อน ขิง ข่า ตะไคร้ ใบชะพลู มะกรูด มะนาว ฯลฯ
ทุกครั้งที่เข้าไปเดินเที่ยวชมสวน พพพ. พวกเราจะสัมผัสได้ถึงความสะอาดร่มรื่น เดินเที่ยวได้ทั่วทุกมุมสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดี มีระบบการให้น้ำแบบสปริงเกลอร์ช่วยผ่อนแรงชาวสวน มีน้ำท่าใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ดึงขึ้นมาจากแหล่งน้ำขนาดมหึมาที่ใสสะอาดเป็นสีเขียวเทอร์ควอยซ์รายรอบพื้นที่สวนเป็นรูปตัวแอล
ทุเรียนแต่ละสายพันธุ์ปลูกแยกส่วนกันเป็นโซนๆ และทุเรียนพันธุ์เบาหรือพันธุ์ที่สุกเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ ของทุกปีคือทุเรียน “กระดุม” ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองที่ติดกับสวนมาแต่ดั้งเดิม อายุร่วม 30 ปี ก็มีอยู่หลายสิบต้น
เป้าหมายของเรา คือการมากินทุเรียนกระดุมกันสดๆ ในสวนเลย และทุกคนต่างปลื้มมากที่ได้กินก่อนใครๆ เพราะสวน พพพ. มีวิธีบำรุงทุเรียนให้ออกผลก่อนสวนอื่นในย่านนั้นตลอดมา
พี่พัชรจึงขายทุเรียนของเธอได้หมดสวนก่อนที่ชาวสวนรายอื่นจะเก็บเกี่ยวทุเรียนของพวกเขา ดังนั้น จึงได้ราคาดีแบบสองเด้ง คือเป็นทุเรียนก่อนฤดูและเป็นทุเรียนที่ปลูกแบบอินทรีย์ ไม่มีปุ๋ยเคมี ไม่มียาฆ่าแมลง
…
และปีนี้ทราบกันหรือยังคะว่า ทุเรียนเป็นสินค้าควบคุมแล้วนะ…
โดยที่ประชุม ครม. เมื่อเดือนมกราคม 2559 เห็นชอบให้ข้าวสาลี ลำไย ทุเรียน และมังคุด เป็นสินค้าควบคุมเพิ่มเติมอีก 4 รายการ เนื่องจากเห็นว่าผลไม้จำพวกลำไย ทุเรียน และมังคุด มักจะมีปัญหาเรื่องราคาตกเมื่อมีผลผลิตออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมของเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้จึงจำเป็นต้องกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุมเพื่อกำกับดูแลไม่ให้มีราคาที่ตกต่ำจนเกินไปจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน
แต่ราคาทุเรียนสำหรับปีนี้ชาวสวนยิ้มแต้เลยค่ะเพราะพุ่งลิ่วแบบยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆ เนื่องจากวิกฤติความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นทั่วไปทำให้สวนผลไม้หลายแห่งได้รับความเสียหาย ประกอบกับมีพายุฤดูร้อนผ่านเข้ามาซัดทุเรียนหนุ่มสาวที่กำลังใกล้แก่ให้ร่วงหล่นเสียหายไปทั้งภาคตะวันออกเลยทีเดียว
ดังนั้น ราคาทุเรียนหมอนทองปีนี้จึงอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท โดยเฉลี่ย และผลผลิตของสวน พพพ. ประมาณ 25 ตัน กำลังรอเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ส่วนทุเรียนกระดุมที่แกะรอพวกเราไว้กองพะเนินตามรูปที่เห็นนั้นมันแสนจะอร่อยเหาะจริงๆ เราไปกินกัน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2559 อิ่มจนพุงกางกันถ้วนหน้า แล้วยังหอบติดไม้ติดมือมาอีกคนละสองสามลูก
เพื่อนที่เป็นลูกหลานชาวสวนเมืองนนท์เล่าว่า สมัยก่อนเธอจะคุ้นเคยกับทุเรียนกระดุมดีเพราะกระดุมเป็นทุเรียนพันธุ์แรกที่แก่ก่อนพันธุ์อื่นในสวน พอกินกระดุมจนชุ่มฉ่ำใจแล้ว หลังจากนั้น ก็จะเป็นคิวของพันธุ์ชะนี หมอนทอง และก้านยาว ตามกันมาเป็นลำดับ
ทุเรียนกระดุมมีลักษณะผลป้อมกลมขนาดค่อนข้างเล็ก ก้นบุ๋มเล็กน้อย น้ำหนักประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม สังเกตที่หนามจะเล็กสั้นและถี่ ขั้วค่อนข้างเล็กและสั้น ลักษณะของพูเต็มสมบูรณ์ ร่องพูค่อนข้างลึกคล้ายผลฟักทอง เนื้อละเอียดอ่อนนุ่มสีเหลืองอ่อน รสชาติหวานไม่ค่อยมัน และนิ่มเละง่ายเมื่อสุกจัด ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบกินทุเรียนเละๆ ต้องรีบปอกกระดุมตั้งแต่ตอนที่ยังไม่สุกมาก
จุดเด่นของกระดุมอีกอย่าง คือเมล็ดมีขนาดใหญ่มากๆๆ สำหรับรสชาตินั้นยากจะบรรยาย เป็นความหวานมันคนละแบบกับหมอนทองที่เหมือนสาวเมืองกรุงจัดจ้านสวยเปรียวโดดเด่น แต่ทุเรียนกระดุมมีจริตของสาวชาวบ้านที่งามตามธรรมชาติแบบไม่ต้องแต่งเนื้อแต่งตัว เนื้อทุเรียนเนียนนวลคล้ายกับพันธุ์ก้านยาวที่แม้จะราคาไม่แพงเท่า แต่ศักดิ์ศรีความเป็นสายพันธุ์พื้นบ้านที่แข็งแกร่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
พี่พัชรให้เรากินทุเรียนหนึ่งอิ่มเสร็จแล้วก็ชวนกันออกเดินเที่ยวชมทั่วสวนเพื่อย่อยอาหาร มีโอกาสได้เห็นผลผลิตทุเรียนแก่ดกสะพรั่งต้นชวนชื่นใจจริงๆ
เดินไปเพลินๆ ก็คิดว่าถ้าเราเป็นเจ้าของสวนและได้เห็นผลผลิตของแรงงานตัวเองมีปลายทางงดงามเช่นนี้ทุกปีเราก็คงจะมีความสุขมากเลย พี่พัชรเหมือนจะอ่านใจทุกคนออก รีบมาอธิบายเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่แค่การทำสวนผลไม้แบบธรรมดาที่หลายคนทำกันมา ซึ่งมักจะปล่อยให้เทวดาเลี้ยงและรอคอยฟ้าฝนตามฤดูกาลเป็นหลัก สำหรับสวน พพพ. เป็นการทำเกษตรสมัยใหม่ที่ทุกอย่างต้องครบ
ครบที่ว่านั่นเริ่มจากความพร้อมทั้งทุนและแรงงาน มีน้ำท่าพร้อม มีเทคโนโลยี มีคนสวนคอยดูแลประคบประหงมเหมือนลูก ซึ่งเมื่อมีตรงนี้แล้วก็ยังต้องการหัวใจที่ใส่ลงไปในสิ่งที่ทำเต็มร้อยจึงจะได้ผลสมบูรณ์อย่างที่ต้องการ
ทุเรียนในสวน พพพ. จะไม่ปล่อยให้ติดดอกเองตามธรรมชาติ แต่คนสวนจะใช้เวลาตอนกลางคืนปีนขึ้นต้นไปปัดเกสรในระหว่างทุเรียนออกดอก เป็นการช่วยผสมเกสรให้ทุเรียนติดผลได้ง่ายและมีปริมาณมาก ระหว่างทุเรียนออกลูกก็ต้องคอยริดยอดอ่อนที่จะมาแย่งอาหารทิ้งไป ลูกไหนดูท่าว่าจะไม่สมบูรณ์ก็ปลิดทิ้งเลยไม่ต้องรอให้มันโต
นอกจากนั้น ชาวสวนยังต้องไวต่อสิ่งผิดปกติทั้งหลายเพื่อไม่ให้เกิดโรคและแมลงระบาดเข้ามาโจมตี เนื่องจากสวนแบบอินทรีย์จะไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ดังนั้น ถ้าหากตัดไฟแต่ต้นลมได้ก็ต้องลงมือทำทันที เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วก็ต้องรีบบำรุงต้นรอบใหม่ในบัดดล โดยจะขุดดินรอบๆ โคนต้นในรัศมีทรงพุ่ม ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักบำรุงอย่างสม่ำเสมอ
เห็นไหม…ชีวิตชาวสวนไม่ง่ายและไม่ได้น่าสนุกเหมือนกับตอนที่เรากินทุเรียนอร่อยๆ เลยนะ
กว่าจะได้ผลไม้ออกมาแต่ละชนิด หลายชีวิตต้องเหน็ดเหนื่อยและทุ่มเท ความสุขปลายทางตอนเห็นผลผลิตนั้นสั้นมากเหลือเกิน เพราะผลไม้สุกให้เห็นเต็มต้นอยู่ไม่กี่วันก็จากไปเป็นอาหาร แต่ไม้ผลแต่ละต้นกว่าจะติดดอกให้ผลต้องการเวลาดูแลจากเราแทบทั้งปี
ทุเรียนราคาดีกำลังจะเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผลของมันจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ได้ยินมาว่ามีคนโค่นสวนยางทิ้งจำนวนมากเพื่อปลูกทุเรียน และภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ เราอาจจะมีผลผลิตทุเรียนมหาศาล ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นจะเกิดภาวะทุเรียนล้นตลาดและราคาตกต่ำหรือไม่…ก็ไม่อาจรู้ได้
รู้แต่ว่าตลาดส่งออกของทุเรียนไทยทั้งแบบสดและแช่แข็งอยู่ที่จีนกับญี่ปุ่น การส่งออกทุเรียนผลสุกจะเลือกทุเรียนแก่ประมาณ 70-80% บรรจุในลังกระดาษ กล่องละ 4 ผล น้ำหนักราว 19-20 กิโลกรัม แต่ในระยะหลังเริ่มมีการส่งออกในลักษณะเนื้อทุเรียนสุกแช่แข็งมากขึ้น เพราะสะดวกในการกิน และไม่เสี่ยงต่อการบริโภคทุเรียนอ่อน รวมทั้งลดต้นทุนค่าขนส่งไม่ต้องนำเปลือกทุเรียนไปด้วย
ปีนี้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออก จังหวัดตราดได้รับออเดอร์เนื้อทุเรียนแช่แข็งจากประเทศจีนถึง 3,000 ตัน หลังจากที่เพิ่งเริ่มส่งออกไปแค่ 2 ปี และคาดว่าอาจมีผลผลิตทุเรียนไม่พอส่งไปจำหน่าย ส่วนสหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ฯ ก็ส่งออกเนื้อทุเรียนแช่แข็งไปประเทศจีน จำนวนถึง 1,456 ตัน เมื่อปีที่ผ่านมา
สำหรับเนื้อทุเรียนแช่แข็งจะต้องเป็นพันธุ์หมอนทองเท่านั้นนะ เพราะมีเนื้อมาก รสชาติหวานมัน เนื้อแน่น กลิ่นไม่แรง เลือกที่ความสุกประมาณ 75-90% โดยทุเรียนผล 1,000 กิโลกรัม ทำเนื้อทุเรียนแช่แข็งได้ 312 กิโลกรัม และเวลานี้ตลาดจีนกำลังโตสุดๆ
ได้ยินข่าวนี้แล้วรู้สึกดีใจกับชาวสวนทุเรียนจริงๆ