“ไร่ครูลออ ไทรโยค” แหล่งรวม มะขามป้อมพันธุ์ดี ด้วยวิธีเสริมราก ต้นเตี้ย ทนแล้ง ออกลูกดกทั้งปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05044010459&srcday=2016-04-01&search=no

วันที่ 01 เมษายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 620

เทคโนฯ การเกษตร

สาวบางแค 22

“ไร่ครูลออ ไทรโยค” แหล่งรวม มะขามป้อมพันธุ์ดี ด้วยวิธีเสริมราก ต้นเตี้ย ทนแล้ง ออกลูกดกทั้งปี

ใกล้ถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตอนนี้หลายคนเริ่มมองหาขนมนมเนย เสื้อผ้า เครื่องประดับ เพื่อเป็นของขวัญของฝากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่บ้านในต่างจังหวัดกันบ้างแล้ว หากบ้านไหนยังมีที่ดินว่างเปล่า ขอแนะนำให้ซื้อกิ่งพันธุ์ต้นมะขามป้อม ไปปลูกเป็นพืชสมุนไพรใกล้ตัว สำหรับดูแลสุขภาพคนในครอบครัวที่คุณรัก สัก 1-2 ต้น

ที่ผ่านมา กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้แนะนำให้คนไทยหันมาปลูก “มะขามป้อม” เป็นพืชสมุนไพรประจำบ้านมากขึ้น เพราะมะขามป้อมมีสรรพคุณทางยาสูง ในตำราแพทย์แผนไทยใช้มะขามป้อมเป็นส่วนผสมสำคัญในตำรับยามากกว่า 100 ตำรับ เช่น ตำรับยา “สมุนไพรตรีผลา” ซึ่งเป็นกลุ่มยาอายุวัฒนะ

นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศยืนยันตรงกันว่า มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของสารแทนนินสูง เป็นชนิดที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระต้านสารก่อมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง กำจัดสารพิษจากโลหะหนักออกจากร่างกายและในผลของมะขามป้อมมีปริมาณวิตามินซีสูงมากกว่าส้มถึง 20 เท่า

“ไร่ครูลออ” อำเภอไทรโยค

แหล่งรวม มะขามป้อมพันธุ์ดี

หากขับรถออกจากตัวเมืองกาญจน์ โดยใช้เส้นทางหลวง หมายเลข 323 (ถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ) ช่วงกิโลเมตรที่ 46 จะเจอน้ำตกไทรโยคน้อย (น้ำตกเขาพัง) อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค นับเป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี บริเวณน้ำตกมีสภาพธรรมชาติที่สวยงาม ร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมจะมีน้ำมาก

จากน้ำตกไทรโยคน้อย ขับรถเลยออกไปเพียงสิบกว่ากิโลเมตร สังเกตด้านขวามือ จะเจอ “ไร่ครูลออ” แหล่งรวบรวมมะขามป้อมพันธุ์ดีที่หลายคนรู้จัก ครูลออ ดอกเรียง รับราชการครูที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี และอาศัยเวลาว่างหลังเลิกงานมาทำไร่เป็นอาชีพเสริม โดยปลูกมะขามป้อมเป็นพืชหลัก เพื่อขายผลสดและจำหน่ายกิ่งพันธุ์มะขามป้อมแก่ผู้สนใจ

สาเหตุที่ครูลออตัดสินใจปลูกมะขามป้อมเป็นพืชหลัก เนื่องจากประทับใจในคุณประโยชน์ของมะขามป้อมยักษ์ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และใช้บำรุงผิวพรรณ กำลังเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง ก่อนหน้านี้ ครูลออ มีโอกาสไปเยี่ยมชมแหล่งปลูกมะขามป้อมยักษ์ เนื้อที่ 20 ไร่ ของเกษตรกรรายหนึ่ง แค่เก็บผลออกขายอย่างเดียว สร้างรายได้สูงถึง 4 ล้านบาท ยังไม่นับรวมการขายกิ่งพันธุ์แก่ผู้สนใจ ทำให้ครูลออเล็งเห็นศักยภาพทางการตลาดของมะขามป้อม ว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีโอกาสเติบโตสดใสในระยะยาว

ครูลออ ได้รวบรวมกิ่งพันธุ์มะขามป้อมยักษ์หลากหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น และตอบโจทย์ตลาด ในเรื่อง ลูกดก ต้นเตี้ย ทนแล้ง ออกลูกทั้งปี มาปลูกบนเนื้อที่ 4 ไร่ ได้แก่

1. พันธุ์ท้อพวงองุ่น (พันธุ์ท้อยักษ์จัมโบ้, ท้อมหากาฬ) ลำต้นสูงปานกลาง ลักษณะผลเหมือนลูกท้อ ผิวสวยใส ลูกมีขนาดใหญ่ เนื้อฉ่ำ ให้ผลดกคล้ายพวงองุ่น

2. พันธุ์แม่ลูกดก เป็นไม้กึ่งเตี้ยกึ่งสูง ที่ให้ผลดกมาก ขนาดผลใหญ่ ประมาณเหรียญ 10 บาท

3. พันธุ์แป้นพัชชา (พันธุ์แป้นเตี้ย) เป็นมะขามป้อมสายพันธุ์ไทย กิ่งใหญ่แข็งแรง ต้นเตี้ย ลำต้นสูงไม่เกิน 1.5-2 เมตร แผ่ขยายไปในแนวกว้าง หากปลูกในระยะห่าง 5×5 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 64 ต้น พันธุ์แป้นพัชชา จะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 2-3 โดยปีที่ 3 จะให้ผลผลิต ประมาณ 50-100 กิโลกรัม หากดูแลจัดการแปลงที่ดีจะได้ผลใหญ่ ขนาดเท่าฝาแบรนด์เลยทีเดียว

4. พันธุ์ท้อยักษ์ไทรโยค ลักษณะผลก้นมีจะงอย คล้ายผลลูกท้อ ผิวสวยใส ลำต้นสูง 2-3 เมตร ขนาดผลใหญ่เท่ากับมะขามป้อมสายพันธุ์อินเดีย เฉลี่ยประมาณ 25-30 ผล ต่อกิโลกรัม ออกลูกดกทั้งปี ปลูกดูแลง่าย ทนอากาศแล้งได้ดี ใช้เวลาปลูก 2-3 ปี เก็บผลผลิตออกขายได้แล้ว มะขามป้อมสามารถปลูกได้ทุกสภาพดินทั่วประเทศ แต่ดินที่ให้ผลผลิตได้ดีคือ ดินร่วนปนทราย ดินลูกรัง

มะขามป้อมยักษ์

ปลูกดูแลง่าย

ครูลออ บอกว่า มะขามป้อม เป็นไม้ผลที่ปลูกดูแลง่าย ทนแล้งได้ดี ควรปลูกในดินที่มีส่วนผสมของขี้ไก่ แกลบดิบ แกลบดำ และดิน ในอัตราส่วน 1:1:1:2 ปลูกโดยขุดหลุมลึก ประมาณ 10×10 เมตร เทปุ๋ยขี้ไก่หรือขี้วัวรองก้นหลุมประมาณ 1 กิโลกรัม เติมน้ำลงให้ท่วม หมักไว้ประมาณ 10 วัน เพื่อให้เกิดการย่อยสลาย คลายความร้อน เติมหน้าดินลงไปเล็กน้อย จึงค่อยนำต้นพันธุ์ที่เตรียมไว้ลงปลูก ปักไม้พยุงต้น เมื่อต้นมะขามป้อมที่ปลูกมีความสูงระดับหัวเข่า ให้ตัดยอดทันที เพื่อให้แตกกิ่งออกด้านข้างเป็นทรงพุ่ม วิธีนี้จะช่วยบังคับให้ต้นเตี้ย ง่ายต่อการดูแลรักษาและเก็บผลผลิต

การปลูกในปีแรก ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ทุกๆ 2-3 วัน ต่อครั้ง เมื่อย่างเข้าปีที่ 2 หลังหมดฤดูฝน ควรงดให้น้ำเพื่อกระตุ้นให้ต้นมะขามป้อมยักษ์เกิดการสะสมอาหารที่กิ่ง ตาดอก และปล่อยให้ต้นสลัดใบทิ้ง เพื่อจำศีลในช่วงฤดูแล้ง เมื่อฝนตกจะกระตุ้นให้ต้นแตกใบ ออกดอก และติดลูกดี

หลังปลูก ควรให้ปุ๋ยเคมี สูตร 25-7-7 จำนวน 1 ช้อนชา โรยรอบทรงพุ่ม ทุกๆ 7 วัน ต่อครั้ง พร้อมใส่ปุ๋ยสูตรเสมอและขี้ไก่ทุก 14 วัน ต่อครั้ง และโรยปุ๋ยขี้ไก่พร้อมแกลบรอบทรงพุ่ม ประมาณ 1 กระสอบ และฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบ เพื่อเร่งต้นโต ผลโต สะสมตาดอกอีกทางหนึ่ง

เทคนิคปลูกเสริมราก

ที่ผ่านมา ครูลออ ผลิตกิ่งพันธุ์เสริมรากออกจำหน่ายแก่ผู้สนใจ ก็ได้รับความสนใจจากเกษตรกรทั่วไปอย่างกว้างขวาง เนื่องจากกิ่งพันธุ์เทคนิคเสริมราก เมื่อนำไปปลูกในปีแรก ต้นมะขามป้อมยักษ์จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติหลายเท่า ยิ่งปลูกแบบเสริม 10 ราก แค่ปลูกในระยะเวลาเพียง 2 ปี ลำต้นมะขามป้อมยักษ์จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 เมตร กันเลยทีเดียว

ในระยะแรก ครูลออ อาศัยเรียนรู้เทคนิคการเสริมรากจากตำราวารสารการเกษตร และนำมาทดลองเสริมรากกับต้นมะขามหวาน จำนวน 10 ต้น ปรากฏว่า ติดรากอยู่เพียงต้นเดียว จึงนำข้อผิดพลาดดังกล่าวมาปรับปรุง และฝึกฝนฝีมือกับไม้ผลอื่นๆ เช่น ต้นมะม่วง ต้นกระท้อน มะปราง มะยงชิด จนประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา

หากใครสนใจเทคนิคเสริมรากต้นมะขามป้อมยักษ์ สูตรครูลออ ก็ทำตามได้ไม่ยาก เริ่มจากเตรียมต้นพันธุ์มะขามป้อมป่า ตามจำนวนที่ต้องการเสริมราก หลังจากนั้นให้นำต้นพันธุ์ปลูกลงดินพร้อมกับต้นพันธุ์ดีที่ต้องการปลูก 1 ต้น หลังปลูก 1 เดือน ให้นำพันธุ์ต้นป่าที่สมบูรณ์ 1 ต้น มาเสริมรากให้ต้นพันธุ์ดี ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถเพิ่มจำนวนรากได้ตามที่ต้องการ แต่ควรเว้นระยะห่างในการเสริมรากแต่ละครั้ง ประมาณ 1 เดือน

ครูลออ แนะนำเทคนิคการเสริมราก 2 แนวทาง คือ

เทคนิคแรก ใช้วิธีการเสียบยอด โดยเลือกต้นพันธุ์ดี มีตุ่มตากำลังแตก มาลิดใบทิ้งเพื่อลดการคายน้ำ จากนั้นตัดกิ่งพันธุ์ให้เหลือความยาว ประมาณ 3-4 นิ้ว ทาปูนแดงที่ปลายกิ่งด้านหนึ่งเพื่อป้องกันเชื้อรา ส่วนอีกด้านเหลาให้เป็นลิ่ม ระหว่างนี้ห้ามให้นิ้วมือสัมผัสกับรอยแผล

จากนั้นนำต้นพันธุ์ป่ามาตัดยอดและผ่าลำต้น นำลิ่มกิ่งพันธุ์ดีเสียบเป็นยอด สวมกันให้พอดี แล้วใช้ผ้าเทปพันปิดแผลไว้ไม่ให้น้ำเข้า ก่อนนำถุงพลาสติกมาครอบและมัดปากถุงไว้ ประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นพันธุ์จะเริ่มแตกยอดอ่อน รอจนกว่าต้นจะแตกใบจริง แล้วจึงค่อยถอดถุงพลาสติกออก โดยข้อควรระวังคือ ระหว่างกางถุงพลาสติกห้ามใช้มือเข้าไปคลี่ถุงด้านใน แต่ควรใช้วิธีสะบัดเพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งพันธุ์ติดเชื้อ

เทคนิคที่ 2 ใช้วิธีการทาบกิ่งหรือแนบกิ่ง นำต้นเพาะเมล็ดมะขามป้อมพันธุ์ป่า ลงปลูกเคียงกับต้นพันธุ์ดี กะระยะให้ต้นพันธุ์ป่าสามารถโน้มหาต้นพันธุ์ดีได้พอเหมาะ จึงใช้มีดปาดสร้างแผลต้นพันธุ์ป่าและต้นพันธุ์ดี โดยแผลของต้นพันธุ์ดีควรมีความลึกแค่ถึงเนื้อไม้ ความยาวประมาณ 2-3 นิ้ว เพื่อให้แผลมีพื้นที่ในการสัมผัสกันได้มากขึ้น หลังจากนั้น ใช้ผ้าเทปพันปิดแผลไว้ ประมาณ 45-60 วัน เมื่อแผลติดกันแล้ว จึงค่อยแกะผ้าเทปออก ช่วงแรกที่เปิดแผล ควรใช้เชือกหรือผ้าเทปคล้องทั้ง 2 ต้น ไว้ด้วยกันก่อน เพื่อกันแผลฉีกขาดหรือต้นดีดออกจากกันเพราะแรงลม รอจนครบ 60 วัน เมื่อแผลสมานกันเป็นเนื้อเดียวแล้ว จึงค่อยแกะเชือกออกจากกัน

“เทคนิคการปลูกแบบเสริมราก มีคุณประโยชน์หลายด้าน ได้แก่

1. ช่วยค้ำยันลำต้นไม่ให้ล้มง่าย

2. มีรากเยอะ ช่วยหาอาหารได้มากขึ้น ทำให้ต้นเจริญเติบโตเร็ว

3. ลำต้นใหญ่ สามารถเลี้ยงลูกได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องผลร่วง

4. ผลมะขามป้อมมีขนาดใหญ่กว่าปกติ” ครูลออ กล่าวในที่สุด

ปัจจุบัน ครูลออ ดอกเรียง มีกิ่งพันธุ์มะขามป้อมยักษ์หลากหลายสายพันธุ์ไว้บริการ รวมทั้งหน่อพันธุ์กล้วยยักษ์ และกิ่งพันธุ์ไม้ป่าอื่นๆ จำหน่ายแก่ผู้สนใจในราคามิตรภาพ ผู้สนใจสามารถแวะชมได้ที่ไร่มะขามป้อมยักษ์ครูลออ บ้านเลขที่ 300 หมู่ที่ 7 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี หรือติดต่อพูดคุยเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. (088) 312-6483, (098) 783-3270 ได้ทุกวัน

Leave a comment