ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ส.ค. 2559 06:01
อ่านข่าวต่อได้ที่: http://www.thairath.co.th/content/689032

ผู้ค้าทองชี้ถึงคราวทองคำอุ้มเศรษฐกิจไทย หลังราคาทองตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ชาวบ้านแห่ขายร้านทองระบายออกต่างประเทศ คาดปีนี้ส่งออกทองคำแตะ 3 แสนล้านบาท พุ่งเป็นอันดับ 2 รองจากรถยนต์ บรรดาเศรษฐีเพื่อนบ้านแห่ลงทุนออนไลน์ซื้อทองตุนเก็บไว้ขายออกช่วงราคาแพง ด้านผู้ประกอบการทอง–เพชรแห่จัดโปรโมชั่นช่วงเศรษฐกิจซบ หวังกระตุ้นยอดขายในประเทศ
นายกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการร้านทองได้ตั้งเป้าส่งออกทองคำปีนี้ 300,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 180,000-190,000 ล้านบาท และส่งผลให้ทองคำและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากสินค้าประเภทรถยนต์ หลังจากที่ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากสถานการณ์ทยอยเก็บทองของกองทุนทองคำ และผลการลงประชามติให้อังกฤษออกจากสมาชิกยุโรป หรือเบร็กซิท โดยกลุ่มที่นำทองมาขายกับร้านทองไทย ได้แก่ เศรษฐี,นักลงทุนและชาวบ้านทั่วไปในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีที (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนามและไทย)
ทั้งนี้ ในปี 2559 ทองคำเป็นหนึ่งธุรกิจที่ช่วยอุ้มเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างโดดเด่น ทำให้การส่งออกในภาพรวมของไทยตัวเลขการขยายตัวไม่ติดลบมากเกินไปและยังสร้างรายได้แก่นักลงทุนและประชาชนที่ซื้อทองเก็บไว้ช่วง 1-2 ปีเพราะตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันสามารถสร้างผลตอบแทน 20% แล้ว
“ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการร้านทองของไทยได้แนะนำนักลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านด้วยการลงทุนออนไลน์ทองคำ ทำให้บรรดาเศรษฐีเพื่อนบ้านชอบซื้อทองแท่งเก็บไว้จำนวนมากในช่วงปีก่อนๆ เนื่องจากราคาค่อนข้างถูก และการเก็บทองได้ผลตอบแทนดี เพราะหากเก็บไว้ในรูปแบบเงินอาจทำให้อ่อนค่าลงได้ เมื่อราคาทองปรับเพิ่มขึ้นทำให้มีการนำทองมาขายคืน และร้านทองไทยก็ได้ทำการส่งออกทองออกไปทันที ซึ่งเศรษฐีในประเทศเพื่อนบ้านบางรายขนทองนับ 100 แท่งมาขายในช่วงที่ราคาสูง ส่งผลให้ในปีนี้ไทยส่งออกไปแล้วกว่า 200,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% และสิ้นปีไม่น่าจะต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท ถือว่าในปีนี้ทองคำเป็นสินค้าที่ช่วยอุ้มเศรษฐกิจไทยและการส่งออกไทยไว้”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความต้องการทองคำในประเทศเพื่อนบ้านของไทยอยู่ในระดับสูงทั้งในบริเวณชายแดนและหัวเมืองต่างๆ แต่ร้านทองไทยคงไม่กล้าที่จะออกไปเปิดร้าน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น วิธีการขยายตลาดก็จะเน้นการลงทุนแบบออนไลน์หรือขายผ่านร้านทองในประเทศเพื่อนบ้าน และบางแห่งอาจมาเป็นลูกค้าของร้านทองในไทย
นายกฤชรัตน์กล่าวว่า สถานการณ์ราคาทองคำนั้นคาดว่าในปลายปีนี้ราคาทองมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นไปอีกในระดับ 1,400 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 23,500 บาท และปีหน้าอาจปรับราคาไปอยู่ในระดับ 1,500 ดอลลาร์หรือบาทละ 25,000 บาท
ด้าน น.ส.อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการร้านเพชรต่างมีการจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆเพื่อกระตุ้นยอดขายหรือดึงดูดลูกค้า ซึ่งในส่วนของบริษัทก็จะมีกิจกรรมที่หลากหลายทั้งการจับมือกับห้างสรรพสินค้าผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือนตามเทศกาลต่างๆ
ทั้งนี้ คาดว่าในครึ่งหลังของปียอดขายเครื่องประดับเพชรจะดีกว่าครึ่งแรกของปี เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้นและผลของการจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะช่วงปลายปีหรือเทศกาลปีใหม่ก็จะมีลูกค้าจำนวนมากต่างเข้ามาซื้อสินค้าเพื่อมอบให้แก่คนสำคัญ
“ในช่วงครึ่งแรกของปียอดขายของบริษัทลดลงแต่จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เพราะมีการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนโดยเฉพาะการเจรจากับคู่ค้าในต่างประเทศเกี่ยวกับด้านวัตถุดิบ ทำให้ต้นทุนต่ำสุดแต่คุณภาพเท่าเดิม”
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำกล่าวว่า สถานการณ์การจำหน่ายทองคำของร้านทองขณะนี้ยังอยูในภาวะชะลอตัวเพราะประชาชนโดยเฉพาะภาคเกษตรกรต้องเก็บเงินไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการทำไร่ทำนา ขณะที่ผู้บริโภคในภาพรวมก็ยังอยู่ในภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงมากแต่บรรยากาศซื้อขายอาจกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี เนื่องจากประชาชนต้องการซื้อทองเป็นของขวัญให้บุคคลที่สำคัญช่วงเทศกาล
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาร้านทองต่างมีการจัดกิจกรรมและทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย เช่น การลดค่ากำเหน็จ 50-100 บาท หรือดอกเบี้ย 0% ในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งก็ได้ผลดีในระดับหนึ่ง
“เห็นได้จากเทศกาลวันแม่ก็จะมีการผลิตทองลายพิเศษน้ำหนัก 2 สลึง, 1 บาทและ 2 บาทในลวดลายต่างๆ เช่น แม่อุ้มลูก,ดอกมะลิ และจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าค่ากำเหน็จ เป็นต้น หรือแม้ว่าในช่วงปีใหม่ เทศกาลตรุษจีนแต่ละรายก็จะมีกิจกรรมที่แตกต่างกันไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ตลาดลอนดอนอยู่ที่ออนซ์ละ 1,347.70 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดนิวยอร์กอยู่ที่ 1,346.50 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ราคาทองในประเทศไทย ทองคำแท่งร้านทองรับซื้อบาทละ 22,100 บาท ขายออกบาทละ 22,200 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 21,709.12 บาท ขายออกบาทละ 22,700 บาท.