ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/politic/238998
การเมือง : 21 ส.ค. 2559
“พีระศักดิ์”คาด”คสช.-สนช.”ลาจากแน่ต้นปี 61
“พีระศักดิ์”นำทีม สนช. ลงพื้นที่ชุมพร ชมชาวปากน้ำชุมพรออกมาใช้สิทธิอันหนึ่งของปท. เผย ปท.เดินตามโรดแม็ป คาด คสช-สนช.ไปแน่ต้นปี 61
ที่ห้องประชุมศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำโดยนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 พร้อมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)กว่า 20 คน อาทิ พล.อ.สิงห์ศิก สิงห์ไพร พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ พล.ร.ท.สนธยา น้อยฉายา นายวิทยา ฉายสุวรรณ นายชาญวิทย์ วสยางกูร นางกาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นต้น พร้อมด้วนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.ชุมพร เพื่อพบปะรับฟังความเห็นตลอดจนอุปสรรคในด้านต่างๆของพื้นที่จ.ชุมพร มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนภาคเอกชนและตัวแทนภาคประชาชน กว่า 500 ร่วมประชุม โดยมีนายสมดี คชายั่งยืน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปภาพรวมของจังหวัด ซึ่งได้มีการหารือกับส่วนราชการและประชาชน ซึ่งประชาชนได้สะท้อนปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้สำเร็จเพื่อขอให้สนช.ช่วยผลักดัน อาทิ ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินของประชาชน ปัญหาการดำเนินโครงการในที่ดินของรัฐ
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ขอชื่นชมการออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงประชามติของชาวจังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เฉลี่ย ถือว่าจังหวัดชุมพรเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ทั้งในการออกมาใช้สิทธิ์ การให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง ซึ่งทุกอย่างได้เดินไปตามโรดแม็ปที่คสช.วางไว้ โดยจะมีการเลือกตั้งในปลายปี 60 แต่หากเกิดเหตุติดขัดหรือมีปัญหา การเลือกตั้งก็อาจจะเลือนไปเป็นต้นปี 61 ขณะที่ สนช.และคสช.ก็จะพ้นไปประมาณต้นปี 61 เช่นกัน ซึ่งการทำงานของสนช. ในจังหวัดต่างก็เพื่อทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมแม่น้ำ 5 สาย ในการรับฟังปัญหาของประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขโดยเร็ว
ด้านนายคำนูณ ชี้แจงโรดแมปการทำงานก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง ว่า ภายหลังจากประชาชนเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงประชามติ ขณะนี้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. อยู่ระหว่างการปรับแก้ไขบทเฉพาะกาลในส่วนของคำถามพ่วงให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ สามารถสรุปสาระสำคัญได้ 3 ประเด็นหลัก คือ ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น กลไกยับยั้งการเกิดวิกฤติประเทศ และการปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ คาดว่า จะสามารถประกาศใช้รัฐธรรมนูญได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และภาระงานของ สนช. ก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น ในการเตรียมพิจารณากฎหมายลูกรวม 15 ฉบับ รวมทั้งกฏหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศที่สปท.จะส่งมาให้สนช.พิจารณา โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.แผนการปฏิรูปประเทศ ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยแผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจากนี้ไป ไม่ว่ารัฐบาลชุดใด ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ พร้อมรับฟังความเห็นประชาชนอย่างกว้างขวาง และดำเนินการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน ซึ้งเป็นมิติใหม่ของรัฐธรรมนูญที่รัฐธรรมนูญ 19 ฉบับไม่มีมาก่อน
พล.อ.สิงห์ศึก กล่าวว่า การทำงานของสนช.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงพื้นที่ในโครงการสนช.พบประชาชนมา 2 ปี ได้รับปัญหาของประชาชนมากกว่า 6,000 เรื่องทั้งข้อกฎหมาย ปัญหานโยบาย ซึ่งขณะนี้ทางสนช.ได้แก้ปัญหาและส่งเรื่องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการแล้วเหลือเพียง 1,000 เรื่อง ครั้งนี้สนช.พบประชาชนที่จ.ชุมพร จึงอยากให้ชาวชุมพรได้แสดงความคิดเห็นถึงปัญหาอย่างเต็มที่
ทั้งนี้โครงการสนช.พบประชาชน เริ่มดำเนินการครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2557 ปัจจุบันดำเนินการมาแล้วจำนวน 18 ครั้ง รวม 36 จังหวัด

