ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/233199
การศึกษา-สาธารณสุข >ข่าวการศึกษา-สาธารณสุข : 11 ก.ค. 2559
‘ลาวปิดเทอมมิถุนา-สิงหา’ให้เด็กไปช่วยพ่อแม่ทำนา
‘ลาวปิดเทอมมิถุนา-สิงหา’ให้เด็กไปช่วยพ่อแม่ทำนา : ผศ.ดร.รัฐกรณ์ คิดการ ประธานที่ประชุมประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการแห่งประเทศไทย (ทปสท.) เรื่อง/ภาพ
ระหว่างวันที่ 27-30 มิถุนายน 2559 ผมมีโอกาสเดินทางไปพักผ่อน และทัศนศึกษา เรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม (โดยใช้งบประมาณส่วนตัว) ที่สปป.ลาว ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งในกลุ่มประชาคมอาเซียน การเดินทางครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากการเดินทางไปต่างประเทศ คือ ความรู้สึกของการเดินทางไปลาว เหมือนการเดินทางไปต่างจังหวัดมากกว่าไปต่างประเทศ เพราะลาวมีความคล้ายคลึงกับไทยมากทั้งสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ วัฒนธรรม อาหารการกิน และที่สำคัญภาษา ทั้งภาษาพูด เขียน โดยเฉพาะหากเป็นคนภาคเหนือและภาคอีสาน จะสามารถพูดฟังและสื่อสารกับคนลาวได้อย่างสบายๆ
แม้ว่าถนนหนทางในลาวไม่ดีเหมือนในประเทศไทย แต่ผมคิดว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่จะช่วยคงความเป็นธรรมชาติ และความเป็นพื้นเมืองดังเดิมเอาไว้ได้มากที่สุด สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ รัฐบาลลาวไม่อนุญาตให้มีห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อเหมือนในประเทศไทย ยิ่งเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก ยิ่งมีกฎเกณฑ์และข้อห้ามมากมายที่จะคงความเป็นเมืองมรดกโลกเอาไว้ ซึ่งผมคิดว่านี่ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มาก สังเกตจากมีฝรั่งไปเที่ยวที่หลวงพระบางมากมายจริงๆ
อีกเรื่องที่น่าคิดคือ ค่าแรงขั้นต่ำที่ลาวก็ถูกกว่าไทยมาก รวมทั้งข้าราชการที่ลาวเงินเดือนน้อยมาก เมื่อเทียบกับไทย ปริญญาตรีประมาณ 6,000 บาท ปริญญาโทหมื่นกว่าบาท ทั้งที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค (หลายอย่าง) ที่ลาวแพงกว่าเมืองไทย เช่น ก๋วยเตี๋ยว หรือชาเขียวปั่นที่ปั๊มน้ำมันราคา 1.5 หมื่นกีบ (คิดเป็นเงินไทย 65 บาท ขณะที่เมืองไทยราคา 55 บาท) แต่ทำไมเขาอยู่ได้ อันนี้โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะมาจากค่านิยมตะวันตกของคนไทยที่ไม่คำนึงถึงฐานะตัวเองมากกว่า ซึ่งน่าจะมาจากความเจริญทางวัตถุมากกว่าทางจิตใจ อันนี้ก็น่าคิดนะครับ
ย้อนกลับมาเรื่องเปิดภาคเรียนที่ได้เกริ่นไว้ตอนต้น ลาวปิดภาคเรียนช่วงหน้าฝน เพื่อต้องการให้เด็กไปช่วยพ่อแม่ทำนา อันนี้ชัดเจนครับ แต่อุดมศึกษาไทยย้ายไปเปิดสิงหาคม อ้างว่าเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน อ้างความร่วมมือต่างๆ ในอาเซียน แต่นี่ผ่านมาเกือบปีของการเป็นประชาคมอาเซียน ผมยังไม่เคยได้ยินข่าว ทั้งระดับรัฐบาล รัฐมนตรี หรือกลุ่มอธิการบดีจะมีประชุมหารือว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาร่วมกันอย่างจริงจังแม้แต่ครั้งเดียว
โดยเฉพาะ ทปอ.ต้นเรื่องที่มีมติตั้งแต่ปี 2554 กลับไม่มีโครงการหรือกิจกรรมใดๆ ในเรื่องนี้เลย และที่สำคัญเมื่อมีปัญหาและผลกระทบมีคนออกมาเรียกร้องให้ทบทวน ก็จะออกมาแก้ตัวแล้วยกข้ออ้าง (ลอยๆ) แล้วอ้างว่ารอผลการวิจัยก่อน ทั้งที่นับตั้งแต่ปี 2554 จนถึงบัดนี้ ยังไม่มีงานวิจัยของ ทปอ.ออกมาแถลงต่อสาธารณะเลย
ขณะที่มีหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ได้ทำวิจัย ซึ่งผลออกมาล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และมีผลกระทบแทบทุกด้าน ส่วนผลดีแทบไม่มีเลย แต่ ทปอ. และอธิการบดีกลุ่มต่างๆ ก็ยังทู้ซี่ เพื่อรักษาหน้าตัวเองต่อไป ไม่สนใจความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศจริงๆ
ผมไม่ได้คัดค้านการที่จะทำให้ระบบการศึกษาเป็นของอาเซียนนะครับ (แต่ต้องถามต่อว่าจำเป็นไหม) แต่ถ้าอยากจะทำผมคิดว่ามีหลายเรื่องที่ต้องทำก่อน เช่น การจัดประชุมหารือ เพื่อปรับเปลี่ยนระบบการศึกษา หลักสูตร จำนวนภาคเรียน ฯลฯ ของแต่ละประเทศให้ใกล้เคียงกันก่อน ส่วนการเปิดภาคเรียนให้ตรงกันนั้น ควรทำเป็นอันดับสุดท้าย แต่การที่อยู่ดีๆ ทปอ.ก็ประชุมแล้วมีมติให้สถาบันอุดมศึกษาปรับเปลี่ยนไปเปิดภาคเรียนในเดือนสิงหาคม แล้วอ้างว่าตามอาเซียน ทั้งที่ประเทศต่างๆ ในอาเซียนก็เปิดเทอมไม่ตรงกัน
ดังนั้นที่เราบอกเปิดเทอมตามอาเซียนมาตลอดนั้น คงต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่แล้วครับ เราไม่ได้เปิดตามอาเซียน แต่ “เราเปิดตามลาว” ครับ
