“วิษณุ”ผุดไอเดียให้นร.เล่นศิลปวัฒนธรรมได้อย่างน้อย 1 ด้าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/edu-health/233307


นักเรียน, วิษณุ, ผุด, ไอเดีย, ให้, เล่น, ศิลปวัฒนธรรม, ได้, อย่างน้อย, ด้าน

นักเรียน, วิษณุ, ผุด, ไอเดีย, ให้, เล่น, ศิลปวัฒนธรรม, ได้, อย่างน้อย, ด้าน
นักเรียน, วิษณุ, ผุด, ไอเดีย, ให้, เล่น, ศิลปวัฒนธรรม, ได้, อย่างน้อย, ด้าน
นักเรียน, วิษณุ, ผุด, ไอเดีย, ให้, เล่น, ศิลปวัฒนธรรม, ได้, อย่างน้อย, ด้าน
นักเรียน, วิษณุ, ผุด, ไอเดีย, ให้, เล่น, ศิลปวัฒนธรรม, ได้, อย่างน้อย, ด้าน
นักเรียน, วิษณุ, ผุด, ไอเดีย, ให้, เล่น, ศิลปวัฒนธรรม, ได้, อย่างน้อย, ด้าน

การศึกษา-สาธารณสุข >ข่าวการศึกษา-สาธารณสุข  : 11 ก.ค. 2559

“วิษณุ”ผุดไอเดียให้นร.เล่นศิลปวัฒนธรรมได้อย่างน้อย 1 ด้าน

“วิษณุ” เสนอนโยบาย กำหนดให้นักเรียนต้องเรียน และเล่นศิลปวัฒนธรรมได้อย่างน้อยคนละ 1 ด้าน พร้อมชง ใช้ศิลปวัฒนธรรมแก้ละลายสี ละลายความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่เมืองทองธานี ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  นายกสภาสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์(สบศ.) กล่าวในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ”การขับเคลื่อนการจัดการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรมในประเทศไทย “ ว่า    จะขับเคลื่อนการจัดการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรมให้เห็นผลนั้น  ต้องกำหนดเป็นเชิงยุทธศาสตร์หรือนโยบายไว้ในระดับต่าง ๆ ที่สำคัญ 4 ระดับ เริ่มจาก ต้องกำหนดให้เป็นพันธกิจตาม พ.ร.บ.ของแต่ละมหาวิทยาลัย  ปัจจุบัน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยทุกแห่งกำหนดให้มีพันธกิจในการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอยู่แล้ว  แต่มหาวิทยาลัยยังไม่เชี่ยวชาญในการปฏิบัติพันธกิจนี้

2. ต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งแผนฉบับปัจจุบัน ฉบับที่ 11 ก็มีอยู่ 3.ต้องกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใน มาตรา 55 และ 70 กำหนดให้รัฐมีหน้าที่ทำนุบำรุง ส่งเสริมให้มีการสนใจใฝ่รู้ในศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น กลุ่มชาติพันธ์ไปจนถึงระดับชาติ  ถือว่าเป็น ร่างรัฐธรรมนูญที่เหลือกอนสำหรับวงการศิลปวัฒนธรรม และหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่าน ต้องยกร่างใหม่ ตนก็จะเอา 2 มาตรานี้ไปใส่ไว้อีก  และสุดท้าย ต้องกำหนดเป็นกรอบความตกลงของแาเซียนด้วย ที่จะส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่าง 10 ประเทศ

“ ยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ระดับ จะเป็นกรอบกำหนดทิศทางในการจัดการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรมของแต่ละสถาบันการศึกษา ทั้ง การกำหนดหลักสูตร วางแผนการสอน การวิจัย  ต้องคำนึงถึงพันธกิจ ตาม พ.ร.บ.ของตัวเอง และยุทธศาสตร์ในระดับต่าง ๆ   ที่สำคัญ ต้องกำหนดเป็นนโยบายด้วยว่า ผู้เรียนทุกคนจะต้องแสดงศิลปะอะไรก็ได้อย่างน้อย 1 อย่าง เหมือนที่กำหนดให้เด็กทุกคนต้องเล่นกีฬาเป็น 1 ประเภท จะเป็นอะไรก็ได้  ให้วิชาศิลปะ ไม่ใช่วิชาเลือกอิสระ แต่ต้องบังคับให้เลือกเรียนอะไรก็ได้ 1 อย่างตามทักษะของแต่ละคน ถ้ามีการกำหนดนโยบายอย่างนี้แล้ว จะทำให้ศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ฟื้นขึ้นเยอะ “ รองนายกฯ  กล่าว

รองนายกฯ กล่าวต่อว่า การจัดการศึกษาด้านศิลปวัฒนธรรม จะต้องขับเคลื่อนทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษาด้วย  อย่างไรก็ตาม สถาบันการศึกษาที่จัดการศึกษาด้านนี้โดยตรง อาทิ สบศ. ม.ศิลปากร คณะศิลปกรรมของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ  ยังมีคำถามเรื่องความพร้อมด้านกายภาพ  สถาบันส่วนใหญ่จัดการศึกษาด้วยใจรัก แต่ขาดความพร้อมด้านอาคาร สถานที  เป็นไปได้อย่างไรที่สถาบันที่สอนนาฏศิลป์  ไม่มีเวที โรงละคร ของตัวเองไว้อวดฝีมือนักศึกษา เพิ่มทักษะผู้เรียนและอาจารย์

” ศิลปวัฒนธรรมนำมาซึ่งความสุข ความสามัคคี วิถีชีวิต และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และกำลังมีประโยชน์ต่อด้านการเมือง การปกครอง และความมั่นคง รวมถึงยังมีไว้ให้เกิดความสัมพันธ์ ซึ่งเวลานี้หลายประเทศใช้ศิลปวัฒนธรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ ดังนั้นผมอยากบอก พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ว่า หากศิลปวัฒนธรรมใช้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ทำไมไม่เอาศิลปวัฒนธรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในชาติ ด้วยการละลายพฤติกรรม ละลายสี และล้างทัศนคติที่ผิดๆ “รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

 

Leave a comment