ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/news/edu-health/233200
การศึกษา-สาธารณสุข : 11 ก.ค. 2559
‘วีเชฟ’ซีซั่น4ปั้นยอดฝีมือ’ช่างเทคนิควิศวะเคมี’
‘วีเชฟ’ซีซั่น4ปั้นยอดฝีมือ’ช่างเทคนิควิศวะเคมี’ : เกศกาญจน์ บุญเพ็ญ เรื่อง ประชาสัมพันธ์ สอศ. ภาพ
นับช่วงเวลาเกือบ 10 ปีมานี้ โครงการพัฒนาช่างเทคนิควิศวกรรมเคมี (Vocational Chemical Engineering Practice College : V-ChEPC หรือ วีเชฟ) ได้สร้างชื่อจนเป็นที่คุ้นหู และเห็นภาพชัดเจนถึงความสำเร็จในการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน อันได้แก่ วิทยาลัยเทคนิค (วท.) มาบตาพุด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มูลนิธิศึกษาพัฒน์ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในการผลิต พัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา โดยเฉพาะช่างเทคนิคที่มีความสามารถเฉพาะทางด้านปิโตรเคมี สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ ตรงความต้องการของผู้ประกอบการ ซึ่งนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะมีรายได้ระหว่างเรียน มีงานทำ 100% ทันทีที่สำเร็จการศึกษาและมีรายได้สูง
ล่าสุด ทุกฝ่ายได้มารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อสานต่อความร่วมมือโครงการวีเชฟ ระยะที่ 4 (ปี 2560-2562) และโอกาสนี้ ผู้ประกอบการ 6 บริษัทในกลุ่มปิโตรเคมีและปิโตรเลียม ได้แก่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัท อูเบะ (ประเทศไทย) และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้มอบเงินสนับสนุนจัดการเรียนการสอนประจำปี 2559 จำนวน 8.5 ล้านบาทด้วย โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเป็นสักขีพยาน
โครงการวีเชฟประสบความสำเร็จเข้าตาต่างชาติ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สอศ.โดย วท.มาบตาพุด ได้ร่วมกับภาคเอกชน ดำเนินการจัดการเรียนการสอนนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาปิโตรเคมี ตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตร พัฒนาครู จัดแผนการเรียนรู้ การฝึกงาน ขณะที่ สอศ.ได้ส่งบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้านมาช่วยสอน อาทิ จ้างครูชาวต่างชาติสอนภาษาอังกฤษ เป็นต้น
นักศึกษาที่มาเรียนก็ได้รับประโยชน์อย่างมาก เพราะภาคเอกชน สนับสนุนงบประมาณ ความรู้ทางเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดเด่นของโครงการนี้นักศึกษาจบแล้วมีงานทำและมีรายได้สูง ปัจจุบันมีนักศึกษา ปวส.ที่เข้าร่วมโครงการวีเชฟจบการศึกษาแล้ว 229 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา 2 รุ่น คือ รุ่นที่ 8 และรุ่นที่ 9
“โครงการวีเชฟได้รับการยอมรับว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จมากในการพัฒนานักศึกษาอาชีวะ สาขาปิโตรเคมี ให้เป็นคนเก่งทั้งทักษะวิชาชีพ คุณธรรม จริยธรรม มีกระบวนการคิดและวิธีทำงานทีเป็นระบบ ทั้งยังเป็นสถานประกอบการกลุ่มแรกๆ ของประเทศที่ริเริ่มการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีที่เข้มแข็ง และทำจริงจังต่อเนื่องเป็นเวลาร่วม 10 ปี ตรงนี้มีผลเชิงบวกต่อภาพลักษณ์ของอาชีวศึกษาไทย ซึ่งต่างประเทศให้ความสนใจโครงการวีเชฟมาก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้เชิญสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยไปนำเสนอความสำเร็จของโครงการวีเชฟ ในที่ประชุมผู้บริหารการอาชีวศึกษาในอาเซียน ซึ่งจัดประชุมที่ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย” ดร.ชัยพฤกษ์ กล่าว
เด็กช่างแห่ชิงที่นั่งเข้าเรียนมากทุกปี โดย นายยุทธพันธ์ โคตรพันธ์ รองผู้อำนวยการ วท.มาบตาพุด รักษาตำแหน่งผู้อำนวยการ บอกว่า ในปีการศึกษา 2559 เพิ่งสิ้นสุดการรับนักศึกษา ปวส.1 จำนวน 80 คน นับเป็นรุ่นที่ 9 ขณะนี้ทุกคนเริ่มเรียนกันแล้ว และทุกปีเมื่อมีประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาโครงการดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับดีมาก มีนักศึกษาจากทั่วประเทศที่จบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ปีที่ 3 ในสาขาช่าง อาทิ ช่างไฟฟ้า ช่างอุตสาหกรรม ฯลฯ มาสมัครสอบ ประมาณ 100-150 คน ทุกปี และในระยะหลังเริ่มได้รับความสนใจจากเด็กระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่เรียนในสายสามัญด้วย
ทั้งนี้การคัดเลือกนักศึกษาจะใช้วิธีการสอบแข่งขัน 100% โดยกำหนดให้เป็นนักศึกษาที่จบระดับ ปวช.3 ในสาขาช่าง เกรดเฉลี่ยใน 5 ภาคเรียนไม่น้อยกว่า 2.75 ต้องทำคะแนนสอบ ทั้ง 5 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ทักษะด้านช่าง และความปลอดภัยผ่านไม่น้อยกว่า 60% จึงจะผ่านเข้าไปสู่การสัมภาษณ์ โดยผู้แทนจาก 6 บริษัท และอาจารย์ วท.มาบตาพุด รวม 14 คนต่อนักศึกษา 1 คน แต่หากปีใดที่มีนักศึกษามาก จะแบ่งเป็น 7 ต่อ 1 อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังกำหนดให้ในแต่ละปีจะต้องมีเด็กที่มีภูมิลำเนาใน จ.ระยอง และอยู่ในพื้นที่รอบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อย่างน้อย 30% เข้าเรียนในสาขานี้ด้วย เพื่อเป็นโอกาสสร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่เด็กในพื้นที่
“เด็กอาชีวะสาขาปิโตรเคมีทุกคนที่ผ่านโครงการนี้ มีงานทำแน่นอน 100% โดยมีโอกาสทำงานใน 6 บริษัทที่สนับสนุน หรือจะไปทำที่อื่นก็ได้ เพราะโครงการวีเชฟไม่มีเงื่อนไขผูกมัดว่าต้องทำงานที่ใด แต่มีเป้าหมายหลักที่จะร่วมกันผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะ ให้มีความสามารถและทักษะทางปิโตรเคมี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนประเทศ โดยทุกคนจะผ่านการเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเข้มข้น ได้รับการฝึกอบรม ระเบียบ ความมีวินัย ซึ่งจำเป็นต้องมีในการทำงาน โดยต้องผ่านประสบการณ์ทำงานในสถานประกอบการถึง 8 เดือน เปลี่ยนจากนักศึกษาเป็นคนทำงาน ดังนั้น เมื่อก้าวสู่โลกการทำงานผ่านการเทรนนิ่งเพียง 1 เดือน ก็ทำงานได้อย่างมืออาชีพ ในขณะที่บางคนต้องใช้เวลาเทรนนิ่งเป็นปีๆ” นายยุทธพันธ์ กล่าว
กำลังคนด้านสายอาชีพยังคงเป็นที่ต้องการอีกจำนวนมาก ด้วยเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่จะช่วยสร้างชาติไทยให้เข้มแข็ง มั่นคง พัฒนาเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ซึ่งโครงการวีเชฟเป็นอีกตัวเลือกที่เปิดทางสำหรับน้องๆ เยาวชนที่อยากจะร่วมพัฒนาประเทศ ได้เข้ามาเรียนรู้กับมืออาชีพ จบแล้วมีงานรองรับ 100%
