กรธ.ลุ้นระทึกศาลรธน. หวังเดินหน้าไม่ถอยหลัง “คำถามพ่วง”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

05 กันยายน 2559 เวลา 19:07 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/452691

กรธ.ลุ้นระทึกศาลรธน. หวังเดินหน้าไม่ถอยหลัง "คำถามพ่วง"

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาทันที หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตีกลับคำร้องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ขอให้วินิจฉัยว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติที่ปรับปรุงตามคำถามพ่วงสอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติหรือไม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ครั้งแรกที่เกิดปัญหา กรธ.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ให้ไปรับเอกสารคืนจากศาลรัฐธรรมนูญ เพราะวันที่ 29 ส.ค. ที่ กรธ.ไปส่งเอกสารที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้นล่วงเลยพ้นเวลาราชการแล้ว ประกอบกับไม่ได้ทำเป็นคำร้องและไม่ได้ลงนามกำกับในสำเนาเอกสารทุกหน้า ต่อมาในวันที่ 30 ส.ค. กรธ.จึงได้ไปรับเอกสารและนัดประชุมอีกครั้งวันที่ 31 ส.ค. เพื่อดำเนินกระบวนการให้ถูกต้อง

การประชุมเมื่อวันที่ 31 ส.ค. กรธ.ได้พิจารณาในประเด็นสำคัญ คือ ต้องทำเป็นคำร้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยได้มีความเห็นร่วมกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2558 ระบุเป็นหลักการที่กำหนดให้องค์กรรัฐสององค์กรที่เกี่ยวกับ ศาลรัฐธรรมนูญ และ กรธ. ดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความถูกต้องตามที่ประชาชนได้ให้ความเห็นชอบเท่านั้น ดังนั้นการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญจึงสามารถดำเนินการด้วยการทำเป็นหนังสือราชการเท่านั้น

ทว่า ในวันเดียวกันหลังจาก กรธ.ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งมายัง กรธ.ต้องดำเนินการตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เนื่องจากผู้ช่วยเลขานุการคณะ กรธ.ที่ กรธ.มอบหมายให้มาส่งที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้นไม่มีใบมอบฉันทะจาก กรธ.

การตีกลับเอกสารในครั้งนี้ของศาลรัฐธรรมนูญ สร้างความประหลาดใจให้กับ กรธ.ไม่น้อย เพราะที่ประชุม กรธ.ที่อุดมไปด้วยนักกฎหมายต่างเห็นตรงกันว่า ไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบที่ศาลรัฐธรรมนูญกล่าวถึง ผนวกกับที่ผ่านมาหลายฝ่ายก็ปฏิบัติในลักษณะเดียวกันมาตลอด

แต่เมื่อเป็นคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ทาง กรธ.จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ โดยได้กลับมาประชุมอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ย. และจัดทำใบมอบฉันทะและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธาน กรธ.ที่มีลายมือชื่อกำกับพร้อมกับเอกสารร่างรัฐธรรมนูญไปยังศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3

จากนี้ไปต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งว่า รับหรือไม่รับ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับ คาดว่าจะแจ้งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง กรธ.ในฐานะผู้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะผู้จัดทำคำถามพ่วงที่ให้รัฐสภาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกมาชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่รับไว้พิจารณา ก็จะเป็นหน้าที่ของ กรธ.ที่ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหากระบวนการทางธุรการต่อไป

การพิจารณากรณีนี้ของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นหลักกิโลเมตรทางการเมืองที่สำคัญสำหรับ กรธ.อย่างมาก เพราะแม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติจะยังไม่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ แต่ กรธ.ได้เริ่มกระบวนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ ตามที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 240 วันนับตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ และส่งให้ สนช.ดำเนินการต่อให้จบภายใน 60 วัน

ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับที่ว่านั้น ประกอบด้วย 1.การเลือกตั้ง สส. 2.การได้มาซึ่ง สว. 3.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 4.พรรคการเมือง 5.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 6.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 7.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 8.การป้องกันและปราบปรามการทุจริต 9.การตรวจเงินแผ่นดิน และ 10.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

โดยล่าสุด กรธ.ได้เชิญ กสม.มาให้ความเห็นแล้ว ซึ่ง กสม.เสนอให้มีกลไกเพิ่มอำนาจในการตรวจสอบการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมกับวางกลไกที่ทำให้ภาคประชาสังคมได้เข้ามาเป็น กสม.ได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศึกหนักที่สุดของ กรธ.ในการทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น แน่นอนว่าต้องอยู่ที่กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง สส.ที่เริ่มมีข้อเสนอในเชิงกดดัน กรธ.ให้นำยาแรงมาบัญญัติไว้ในกฎหมายเพื่อจัดการกับนักการเมือง

การยุบพรรคการเมืองเพื่อให้จดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ หรือ “เซตซีโร่พรรคการเมือง” กำลังเป็นหนึ่งในมาตรการที่เริ่มมีบางฝ่ายกลับมาแย็บๆ กรธ.ให้พิจารณาถึงความเป็นไปได้อีกครั้ง แต่ กรธ.เองยังคงสงวนท่าทีกับข้อเสนอนี้อยู่ โดยประธาน กรธ.ระบุในทำนองว่า ใครจะเสนออะไรก็เสนอเข้ามาได้

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า กรธ.ลำดับขั้นตอนการทำงานเอาไว้มากพอสมควรแล้ว พร้อมกับตั้งความหวังลึกๆ ว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.แก้ไขแล้วน่าจะผ่านศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิทินการทำงานของ กรธ.เดินหน้าตามที่วางไว้

ในทางกลับกัน หากไม่เป็นอย่างหวัง ร่างรัฐธรรมนูญจะกลับมาที่ กรธ.อีกครั้งและ กรธ.ต้องปรับปรุงเนื้อหา ซึ่งแน่นอนว่า สนช.บางกลุ่มรอเตรียมกดดัน กรธ.อีกรอบเพื่อให้ข้อเสนอที่ต้องการให้ สว.มีสิทธิเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีบรรลุผลสำเร็จให้ได้

ดังนั้น การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้จึงไม่ได้เพียงแค่ชี้ชะตาร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่หมายถึงการกำหนดความชอบธรรมของ กรธ.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย

 

Leave a comment