ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
03 กันยายน 2559 เวลา 08:52 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/452296

โดย…ปริญญา ชูเลขา
ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.ถือเป็นฤดูแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ประจำทุกปี แต่ปีนี้น่าจับตาเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งในปีหน้าตามโรดแมป แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น ระยะเวลาอีกปีกว่าที่เหลือ คสช.มีภารกิจสำคัญที่ต้องสานต่อมีอยู่มากมาย
ดังนั้น การแต่งตั้งบิ๊กข้าราชการล็อตใหญ่ครั้งนี้ จึงต้องมีการคัดสรรบุคคลที่วางใจ สนองงาน ไม่เกียร์ว่างให้เข้ามาทำงาน รวมถึงจะมีการเตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อกระชับการทำงาน ในช่วงเปลี่ยนผ่านการเมืองไปสู่การเลือกตั้งปีหน้า การแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดในภาครัฐครั้งนี้จึงมีนัยสำคัญทางการเมืองอย่างยิ่ง
เริ่มที่ตำแหน่งแม่บ้านทำเนียบรัฐบาล “จิรชัย มูลทองโร่ย” ได้ขึ้นแท่นเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) “จิรชัย” สร้างผลงานไว้โดดเด่นจนถูกขนานนามว่ามือสอบเผือกร้อนประจำทำเนียบรัฐบาล เพราะกล้าลุยไฟสอบปมร้อนการเมืองทุกเรื่องที่รัฐบาลสั่งการ เช่น ประธานคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดทางแพ่งคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 2.8 แสนล้านบาท จึงมีการให้รางวัลนั่งเป็นปลัด สปน. เข้ามาคุมงานประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานรัฐบาลผ่าน ช่อง 11 และ 9 รวมถึงดูแลงานมวลชนรับเรื่องราวร้องเรียน 1111 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่อยู่ในสังกัด สปน. ในตำแหน่งแม่บ้านทำเนียบรัฐบาลคนใหม่
ในขณะที่ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตำแหน่งที่ใครๆ หมายปองเพราะได้ทำงานใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีและ ครม. ล่าสุดที่ประชุม ครม.เลือก “ปกรณ์ นิลประพันธ์” รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ควบรองเลขาธิการ ครม.อีกตำแหน่ง เป็นการย้ายข้ามห้วยเพื่อวางตัวไว้มาทำงานแทน “อำพน กิตติอำพน” เลขาธิการ ครม.คนปัจจุบัน สำหรับ “ปกรณ์” ด้วยประสบการณ์ด้านกฎหมายมหาชน ยิ่งปีเศษจากนี้ไปรัฐบาลต้องเร่งออกกฎหมายลูกตามรัฐธรรมนูญใหม่เกือบร้อยฉบับ ตำแหน่ง เลขาฯ ครม.จำต้องเป็นบุคคลมีความรู้ด้านกฎหมาย ดังนั้นหวยจึงล็อกที่ “ปกรณ์” เพราะรู้ลึกเรื่องรัฐธรรมนูญและกฎหมายมาทำงานเลขาฯ ครม.ในช่วงปีเศษนี้
ในด้านการขับเคลื่อนการปราบปรามการทุจริตภาครัฐ และขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ที่ประชุม ครม. จึงรับโอน “เมธินี เทพมณี” เป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งเดิม “เมธินี” ถูกคำสั่งมาตรา 44 ให้พ้นตำแหน่งปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แต่ด้วยความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยี จึงได้โอกาสกลับมาทำงานรับใช้รัฐบาลอีกครั้ง เช่นเดียวกับ “ทศพร ศิริสัมพันธ์” รับโอนให้เป็นเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ที่ถนัดงานบริหาร เพราะเป็นเลขาธิการ ก.พ.ร.คนแรก ดังนั้น รัฐบาลจึงเรียกตัวสองคนดังกล่าวกลับมาใช้งานอีกครั้ง
สำหรับตำแหน่งสำคัญในงานด้านความมั่นคง ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่ประชุม ครม.มีมติเลือก “รวี ประจวบเหมาะ” เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ “รวี” ถือเป็นลูกหม้อทำงานมายาวนาน ยิ่งในยุค คสช.“สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุมงานข่าวเบ็ดเสร็จเตรียมยกเครื่องงานข่าวกรองใหม่ ย่อมสนับสนุนลูกน้องในหน่วยงานเก่าให้ได้รับตำแหน่ง
อีกตำแหน่งฝ่ายความมั่นคง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แทน “ภาณุ อุทัยรัตน์” เลขาธิการ ศอ.บต. ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ คาดว่ากระทรวงมหาดไทยจะเสนอชื่อเข้าสู่ที่ประชุมครม.พิจารณาในวันที่ 6 ก.ย.นี้ คือ“ศุภณัฐ สิรันทวิเนติ” รองเลขาธิการ ศอ.บต. ที่มากประสบการณ์งานปกครองเพราะเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปัจจุบันทำงานมวลชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ อีกกระทรวงที่ใหญ่ทั้งโครงสร้างและงบประมาณ และรัฐบาล คสช.ต้องการปฏิรูปมากที่สุด คือ กระทรวงศึกษาธิการ ล่าสุด ครม.แต่งตั้ง “ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์” ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง เป้าหมายรัฐบาลต้องการให้ “ชัยพฤกษ์” เข้ามารื้อโครงสร้างกระทรวงที่ใหญ่เทอะทะให้คล่องตัวสนองนโยบายปฏิรูปการศึกษา
สำหรับตำแหน่งอื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ “วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) “กฤษศญพงษ์ ศิริ” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น
จึงน่าติดตามผลงานบรรดาบิ๊กข้าราชการแต่ละกระทรวง จะสนองผลงานโกยคะแนนนิยมให้ คสช.ทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจได้มากน้อยเพียงใด