ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
26 กรกฎาคม 2559 เวลา 10:25 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/444835

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
สถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เผชิญกับการเรียกร้องให้เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ
เมื่อไม่นานมานี้เครือข่ายประชาสังคมและนักวิชาการ 16 องค์กร 117 คน ร่วมลงชื่อในนาม “เครือข่ายกลุ่มพลเมืองผู้ห่วงใย” ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ คสช.ต้องเสนอทางเลือกที่ชัดเจนให้ประชาชน หากกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะมีกระบวนการอย่างไรต่อไป
“ในกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติควรมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากฉันทามติผ่านกลไกที่ทุกกลุ่มทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบกระบวนการและกำหนดหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยเป็นไปตามกรอบเวลาที่มีการประกาศไว้ใน Roadmap สู่การเลือกตั้งและตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว” ส่วนหนึ่งจากคำแถลงการณ์ที่มีทั้งหมด 5 คน
เครือข่ายพลเมืองผู้ห่วงใยกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคมไปถึง คสช.ในประเด็นการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยครั้งนั้นออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรียกร้องให้ คสช.จัดทำประชามติด้วยความโปร่งใสและเปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็น โดยมีเครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และนักการเมืองร่วมลงชื่อ 104 คน และนับวันเครือข่ายจะแผ่ขยายมากยิ่งขึ้น ภายหลังมีคนลงชื่อสนับสนุนเพิ่มขึ้นเป็น 117 คน

หากจะบอกว่างานนี้มีใครเป็นคีย์แมนสำคัญต้องยกให้กับ “บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์” ผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (GSEI) เพราะเป็นมือประสานสิบทิศกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับฝ่ายการเมืองในการร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ครั้งนี้
ต้องไม่ลืมว่าอาจารย์บัณฑูรเคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และที่สำคัญในตำแหน่งกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองของ สปช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทของกรรมการปรองดองฯ ทำให้บัณฑูรเป็นโซ่ข้อสำคัญที่เชื่อมถึงฝ่ายการเมืองเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เป็นเพราะส่วนหนึ่งได้เดินสายร่วมกับอาจารย์เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการฯ เพื่อพบกับผู้นำทางการเมืองกลุ่มต่างๆ ทำให้อาจารย์บัณฑูรไม่ได้เป็นคนอื่นคนไกลของกลุ่มการเมืองต่างๆ จึงอย่าได้แปลกใจว่าทำไมแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ถึงมีนักการเมืองเข้าร่วมจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่พยายามสงวนท่าทีมาตลอดอย่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “บัญญัติ บรรทัดฐาน” รองประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังลงร่วมขบวนการนี้ด้วย
ขณะที่ภาคส่วนของนักวิชาการมีการรวมตัวกันเป็นระยะอยู่แล้ว โดยแยกกันเคลื่อนไหวซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการให้ คสช.เปิดพื้นที่ให้ภาคประชาสังคมมีโอกาสแสดงความคิดเห็นมากกว่าที่เป็นอยู่

นักวิชาการที่ร่วมขบวนการนี้ที่น่าสนใจ เช่น “เดชรัต สุขกำเนิด” อาจารย์จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในแกนนำเครือข่ายนักวิชาการพลเมือง ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ยืนยันหนักแน่นมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะมีเนื้อหาที่ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค
“จอน อึ๊งภากรณ์” อดีต สว.กทม. “นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ” อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แกนนำกลุ่มโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน เคยยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินให้วินิจฉัยว่าบทบัญญัติมาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 หรือไม่ ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญในเวลาต่อมา
“สุณัย ผาสุข” ที่ปรึกษาฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ประจำประเทศไทย หนึ่งในนักวิชาการที่ออกมาท้วงติงถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของ คสช.ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา “ศศิน เฉลิมลาภ” นักวิชาการอิสระที่ออกมาคัดค้านโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“ประภาส ปิ่นตบแต่ง” คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักวิชาการอีกหนึ่งคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดด้อยตรงที่การทำให้ความเข้มแข็งของการเมืองภาคประชาชนและหลักสิทธิชุมชนน้อยลง “ชยันต์ วรรธนะภูติ” คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยเป็นหนึ่งในนักวิชาการจำนวน 200 คน ที่ลงชื่อเรียกร้องต่อที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ให้คุ้มครองการแสดงสิทธิเสรีภาพทางวิชาการภายในมหาวิทยาลัย“ศ.สุรชาติ บำรุงสุข” คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เป็นนักวิชาการที่ศึกษาความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างกองทัพกับการเมือง
ขณะเดียวกัน ผู้ประสานงานของเครือข่ายฯ ได้ประสานงานยังแกนนำกลุ่มการเมือง ทั้งแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) แต่ได้รับการแจ้งกลับมาว่าตัวเองต่างประกาศจุดยืนชัดเจนไปแล้วในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหากมาร่วมกับเครือข่ายฯ จะทำให้มวลชนตั้งคำถามได้ เพราะเครือข่ายฯ ไม่ได้มีจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญในทางใดทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การทำงานของเครือข่ายฯ ไม่ได้สิ้นสุดลงในวันที่ 7 ส.ค. แต่ยังจะหารือเพื่อยื่นข้อเสนอไปยัง คสช.ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหลังจากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ หรือถ้าเป็นกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ก็จะเตรียมทำข้อเสนอไปยัง คสช.ให้จัดทำกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนก่อนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อวางกลไกในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่สามต่อไป