ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
18 สิงหาคม 2559 เวลา 13:06 น….. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/449246

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
คืบหน้าไปกว่า 70% กับการสืบสวนสอบสวนคดีเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค. ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุว่า ทีมสืบสวนสามารถต่อจิ๊กซอว์และเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยจะรีบเร่งเกินไปไม่ได้ต้องทำโดยความรอบคอบ
สวนทางกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสาธารณะทั้งในแง่ความคืบหน้าที่ยังไปไม่ถึงไหน และยังหละหลวมในหลายจุด ล่าสุดกับการควบคุมตัว ศักรินทร์ คฤหัสถ์โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44
แต่ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขอเพิกถอนหมายจับ ศักรินทร์ กับศาลอาญาจังหวัดนครศรีธรรมราชในข้อหาเดิมคือวางเพลิงฯ และให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อนุญาตไว้ในครอบครอง ก่อนขอหมายจับกับศาลมลฑลทหารบกที่ 41 ต่อไป
ตอกย้ำความกังวลที่ห่วงว่าสุดท้ายคดีนี้จะได้รับการคลี่คลายหรือสืบสาวหาตัวผู้กระทำผิด และผู้อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นคดีที่เงียบหายไปในที่สุด
หากจำได้คดีบึ้มป่วนเมืองหลายครั้งก่อนหน้านี้ ไล่มาตั้งแต่ระเบิดกลางกรุงที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่อาจจับมือใครดม และต่อมายังเกิดเหตุระเบิดอีกหลายจุด
บรรยากาศที่สงบไปได้พักใหญ่เป็นเพียงแค่การตรวจสอบควบคุมที่เข้มงวดแบบชั่วครู่ชั่วคราว แต่เมื่อไม่อาจสืบสาวหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หรือสืบสาวไปถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลัง ย่อมไม่อาจสกัดเหตุรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เอาเข้าจริงจากเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จนถึงวันนี้หลายเรื่องก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน ที่ยิ่งทำให้การป้องกันเหตุในอนาคตเป็นเรื่องที่ยังมืดบอด
สาเหตุสำคัญที่ถูกมองว่าทำให้การสืบสาวหาที่มาที่ไปของเหตุรุนแรงไปไม่ถึงไหน เพราะยังติดหล่มอยู่กับการออกมาส่งสัญญาณของผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะกับการรีบออกมาชี้นำว่าเป็นเรื่องการเมือง พลอยทำให้ทิศทางการสืบสวนไม่อาจออกนอกแนวที่กำหนด จนหลายครั้งก็ไปไม่ถึงไหน
ครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังมองประเด็นการก่อเหตุว่าเกี่ยวข้องกับการลงประชามติตั้งแต่แรกและยังไม่เปลี่ยน ซึ่งย้ำว่าความคิดเป็นการตั้งสมมติฐานอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง
“ตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นอื่นออก ในการสืบสวนตั้งไว้หลายประเด็น แต่ประเด็นประชามติเป็นประเด็นที่เราให้น้ำหนักมาตั้งแต่แรก พร้อมวิเคราะห์ความเชื่อมโยงเทียบเคียงกับคดีระเบิดในกรณีอื่นๆ รวมทั้งเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”
ฝั่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เร่งรัดให้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมโดยเร็ว เบื้องต้นได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเป็นชาย 1 ราย ที่มีหลักฐานชัดว่าก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่สำคัญเมื่อนำไปตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอพบว่าตรงกับผู้ต้องหาที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ตั้งแต่ พ.ศ. 2547
นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาคดีเผาห้างเทสโก้ โลตัส นครศรีธรรมราชอีก 2 ราย เบื้องต้นคาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศไทย
ปัญหาอยู่ที่ระหว่างทุกอย่างยังคลุมเครือ การพุ่งเป้าไปให้น้ำหนักกับการเมือง นอกจากจะทำให้ทิศทางการสืบสวนไม่เป็นอิสระแล้ว ยังทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการสืบสวนที่กำลังเดินหน้า
ต้องยอมรับว่าการพุ่งเป้าไปที่ประเด็นการเมืองทำให้ลดแรงเสียดทานไปได้ไม่น้อย เพราะจะทำให้สามารถตัดประเด็นเรื่องก่อการร้าย หรือประเด็นความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ลุกลามขยายวงขึ้นมาถึงพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
แต่อีกด้านการรีบตั้งธงอาจทำลายความเชื่อมั่นต่อทิศทางการสืบสวนที่กำลังเดินหน้าไป โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่ออกมาไม่ตรงกับสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้
หากจำได้ก่อนหน้านี้เหตุระเบิดที่ศาลพระพรหมในช่วงแรกก็เคยถูกโยนให้เป็นเรื่องของการเมืองเชื่อมโยงไปถึงคดีก่อนๆ จนต่อมาน้ำหนักถูกเทมายังการตอบโต้ที่ทางการไทยส่งอุยกูร์กลับประเทศจีน
แต่ปัญหาที่หนักที่สุดจากเหตุระเบิดหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ก็คือ เมื่อสุดท้ายทุกอย่างก็ยังคลุมเครือโดยไม่อาจหาข้อสรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มใดๆ รวมทั้งไม่อาจสืบหาตัวคนผิดมาดำเนินดดี
นอกจากบั่นทอนความเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว อีกด้านยังไม่อาจนิ่งนอนใจว่าจะสามารถหาทางป้องกันเหตุรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ตราบใดเหตุรุนแรงที่ผ่านมายังไม่ได้รับการสะสางโดยเฉพาะกับงานด้านการข่าวที่มีปัญหาต่อเนื่อง แม้แต่ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ต้องปรับปรุงการข่าว
ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจสกัดวงจรความรุนแรงที่มีแนวโน้มจะขยายวงต่อไปเรื่อยๆ