ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
25 สิงหาคม 2559 เวลา 10:28 …. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/politic/450557

โดย…ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
การเตรียมปรับเพิ่มจำนวนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จาก 220 คน เป็น 250 คน ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งเดือน ธ.ค. 2560 สะท้อนให้เห็นการตระเตรียมการอย่างรอบคอบและเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยเคลียร์เส้นทางข้างหน้าให้ไร้อุปสรรคจากคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อธิบายว่า สนช.จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกนายกฯ ต่างๆ และจะอยู่ไปถึงก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องกลับมาเป็น สว. เพราะต้องมีกรรมการสรรหา
“สาเหตุที่ต้องตั้ง สนช.เพิ่ม เพราะบางคนก็ตายบ้าง ลาออกบ้าง แล้ววันนี้ในส่วนของความมั่นคงมีหลายกฎหมายที่ต้องทำ”
สอดรับกับคำชี้แจงของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อธิบายว่า สาเหตุการเพิ่มเก้าอี้ สนช.รอบนี้ เนื่องจากยังกฎหมายที่ยังคั่งค้างอยู่เป็นจำนวนมากที่ต้องเร่งรีบ รวมทั้งยังมีเรื่องการทำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ฉบับ จึงแต่งตั้งเพิ่มขึ้นมาช่วยพิจารณากฎหมาย
“ยืนยันไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำอย่างอื่น แล้วไม่ได้อยู่นาน จะพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับสมาชิก สนช.คนอื่นๆ”
ขั้นตอนต่อจากนี้จะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 มาตรา 6 เพิ่มจำนวน สนช.อีก 30 คน จากเดิมไม่เกิน 220 คน เป็นไม่เกิน 250 คนโดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน โดยอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์
ทว่า กระแสสังคมดูจะไม่คล้อยตามไปกับคำชี้แจงที่ออกมา แต่กลับมองว่าเป็นเรื่องของการจัดวางตำแหน่งเพื่อตอบโจทย์ในแง่การรองรับบุคลากรจากกองทัพที่กำลังจะเข้ามาและกำลังจะเกษียณอายุ
ประเด็นแรก เรื่องจำนวน 220 คนเดิมนั้น ในทางปฏิบัติ แทบไม่มีผลต่อการพิจารณากฎหมายอยู่แล้ว ยิ่งหากย้อนดูการพิจารณากฎหมายในอดีตของ สนช. จะเห็นว่า ทั้งคนอภิปรายในสภา คนชี้แจง คนที่มีความคิดความเห็นแบบลงลึกในเชิงเนื้อหาสาระมีอยู่ไม่กี่สิบคน
ต่อให้มีกฎหมายเพิ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาเพิ่มมากขึ้น ก็แทบไม่มีผลต่อการพิจารณาที่สามารถเพิ่มทั้งเวลาพิจารณาให้มากขึ้นกว่าเดิม แทนที่จะเลือกใช้วิธีเพิ่มคน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายที่มาจากภาษีประชาชนเพิ่มขึ้นอีกปีละ 62 ล้านบาท
บุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ยกตัวอย่างการประชุม สนช. วาระถอดถอน ประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย มีผู้เข้าร่วมประชุม 154 จาก 220 คน คิดเป็นร้อยละ 70 เท่านั้น และหากย้อนดูสถิติจำนวน สนช.ที่เข้าประชุมเฉลี่ยที่ผ่านมามีเพียง 170 คนเท่านั้น
“จำนวน สนช.โดยอ้างเหตุว่าต้องมีการพิจารณากฎหมายเพิ่มขึ้นนั้น จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือต้องการเพิ่มตำแหน่งว่างเพื่อรองรับใครที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้หรือไม่”
แน่นอนว่าสาเหตุที่การเพิ่มจำนวน สนช.รอบนี้ ถูกมองว่าเป็นไปเพื่อรองรับข้าราชการเกษียณอายุนั้น เป็นเพราะเกิดขึ้นในจังหวะคาบเกี่ยวเดือน ก.ย.-ต.ค.
ที่สำคัญในแง่กองทัพนั้นจะมีกำลังพลส่วนหนึ่งที่เคยมีส่วนช่วยงาน คสช.ช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ต้องเกษียณอายุสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ที่จะทำให้เกิดสภาพ “ขาลอย” สำหรับบางคนที่ไม่มีตำแหน่ง
อื่นๆ ในแม่น้ำ 5 สายรองรับ
การเปิดทางให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามามีที่นั่งใน สนช. จึงอาจเป็นทางเลือกที่ลงตัวที่สุด
อีกด้านหนึ่งยังเป็นการเปิดทางรองรับบุคลากรที่จะขยับขึ้นมารับตำแหน่งใหม่ โดยเฉพาะตำแหน่งคุมกำลังหลัก และตำแหน่งที่มีบทบาทในกองทัพ ซึ่งจำเป็นต้องเข้ามารับไม้ต่อ หลังจากชุดปัจจุบันบางส่วนเกษียณอายุราชการไปแล้ว
บรรดาบิ๊กๆ ในกองทัพชุดใหม่ที่ขึ้นมาก็จะมาเป็นกลไกประสานงานระหว่างกองทัพ และ คสช. และ สนช. เพื่อมีส่วนในการควบคุมทิศทางการทำงานให้เป็นไปตามแนวทางที่ คสช.กำหนดไว้ในโรดแมป
แม้หลายคนจะมีตำแหน่งใน สนช.ปัจจุบันอยู่แล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่มีที่นั่งจึงจำเป็นต้องจัดที่จัดทางไว้รองรับเพื่อให้การทำงานตามโรดแมป คสช. หลังจากนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ยังไม่รวมกับการเตรียมเก้าอี้ไว้ปลอบใจ บรรดา ครม.หรือบรรดา คสช.ที่จะพ้นตำแหน่งหากมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต
อีกประเด็นที่มองว่าจำเป็นต้องเพิ่มจำนวน สนช. เนื่องจากเสียงภายใน สนช.เริ่มไม่เป็นเอกภาพอย่างที่ คสช.สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้หมด ยิ่งหลังจากนี้จะมีกฎหมายสำคัญๆ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช. โดยเฉพาะกฎหมายลูกหลายฉบับ
หากปล่อยให้เกิดสภาพเสียงแตก ย่อมสุ่มเสี่ยงจะกระทบไปถึงเนื้อหาบางท่อนบางตอนที่ล่อแหลมหรือเห็นต่างในอนาคต จนอาจจะกระทบต่อไปถึงโรดแมป คสช.อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง การเพิ่มเก้าอี้รอบนี้จึงมีนัยสำคัญ